
ทั้งนี้ กรมการค้าภายใน เร่งออกมาตรการแก้ปัญหาผลผลิตไข่ไก่ล้นตลาดและราคาตกต่ำ ด้วยการจัด“โครงการไข่ไก่ธงฟ้าลดราคาเพื่อประชาชน” ภายในปั๊มน้ำมันพีทีที สเตชั่น และบางจาก ที่ดำเนินการจบไปแล้วเมื่อสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ช่วยระบายไข่ไก่สดตามเป้าหมาย 20 ล้านฟอง ถึงมือผู้บริโภคโดยตรง ประกอบกับคณะกรรมการบริหารกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรมีมติให้กรมการค้าภายในดำเนินโครงการรักษาเสถียรภาพไข่ไก่ ปี 2564 ดำเนินการเร่งผลักดันไข่ไก่ 200 ล้านฟอง ออกสู่ตลาดต่างประเทศอย่างเร่งด่วน โดยรัฐบาลจะสนับสนุนเงินชดเชยให้ผู้ประกอบการส่งออก จำนวน 100 ล้านฟองแรก ในราคาฟองละ 50 สตางค์ คาดว่าจะใช้งบประมาณ 51 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร จากการดำเนินการที่ต่อเนื่องและทันท่วงทีนี้ จะสามารถระบายไข่ไก่ออกจากระบบและพยุงราคาไข่ไก่ไม่ให้ตกต่ำจนเกษตรกรไม่สามารถรับภาระการขาดทุนได้ ทั้งนี้ การส่งออกไข่ไก่ที่เกิดขึ้นนี้ เกิดจากภาวะจำเป็นที่ไทยต้องเร่งระบายผลผลิตส่วนเกินให้สอดคล้องกับความต้องการบริโภค เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาไข่ภายในประเทศ โดยผู้ส่งออกต้องยอมส่งไข่ในราคาขาดทุน ทำให้สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่ง
“เกษตกรขอขอบคุณกรมการค้าภายในที่เห็นถึงทุกข์ของเกษตรกร และยื่นมือเข้ามาช่วย ทั้งการจัดโครงการไข่ไก่ธงฟ้าฯ และการเร่งส่งออกไขไก่ โดยพิจาราณาสนับสนุนเงินชดเชยเพื่อกิจกรรมนี้ เพราะการส่งออกนั้นไม่ใช่การสร้างผลกำไรให้ผู้ส่งออก แต่เป็นการขายขาดทุนฟองละ 40-50 สตางค์ เพื่อแข่งขันราคากับทั้งจีนและสหรัฐที่เป็นคู่แข่งสำคัญ ที่ผ่านมาจึงไม่มีใครอยากส่งออกไข่ การส่งออกจึงถือเป็นการเสียสละเพื่อพี่น้องเกษตรกรและอุตสาหกรรมไข่ไก่ทั้งระบบ” นายสุเทพ กล่าว

“ผู้เลี้ยงไก่ไข่ทั้งประเทศ ขอขอบคุณเอ้กบอร์ด กรมการค้าภายใน และผู้ประกอบการส่งออกที่ร่วมมือกันทำเพื่อเกษตรกรและอุตสาหกรรมไข่ไก่ของไทย ขอให้ภาคเอกชนที่มีกำลังพอที่จะช่วยผลักดันการส่งออกได้อีก ให้มาช่วยกันเร่งระบายผลผลิตไข่ไปยังต่างประเทศ ให้เกษตรกรได้พอลืมตาอ้าปาก และผ่านพ้นวิกฤตทั้งโควิดและปัญหาราคาตอกต่ำไปได้” นางพเยาว์ กล่าว























