วันนี้ (8 กรกฎาคม 2568) ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน รายงานว่า ขณะนี้อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศมีปริมาณน้ำรวมกันอยู่ที่ 43,894 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 57% ของความจุอ่างฯ รวม สามารถรองรับน้ำได้อีกประมาณ 32,653 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 43% ของความจุ เฉพาะอ่างเก็บน้ำหลักในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวม 13,257 ล้าน ลบ.ม. หรือ 53% ของความจุรวม ยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 11,614 ล้าน ลบ.ม. หรือ 47%
กรมชลประทานได้ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้สอดคล้องกับแนวโน้มฝนที่อาจตกต่อเนื่องในหลายพื้นที่ โดยเร่งพร่องน้ำบางส่วนเพื่อเตรียมพื้นที่ว่างรองรับน้ำหลากในระยะต่อไป ควบคู่กับการประสานโครงการชลประทานในพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมรับมือฝนตกหนักและน้ำหลากฉับพลัน เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด พร้อมทั้งวางแผนกักเก็บน้ำให้เพียงพอสำหรับรองรับความต้องการใช้น้ำในช่วงฤดูแล้งที่จะมาถึง นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องจักร เครื่องมือสนับสนุนในพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้สามารถระบายน้ำได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดฝนตกหนัก รวมถึงเร่งกำจัดวัชพืชและผักตบชวาที่กีดขวางทางน้ำเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำและลดปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มต่ำ
ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ระหว่างวันที่ 10–12 กรกฎาคม 2568 ประเทศไทยจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ซึ่งอาจส่งผลให้บางพื้นที่มีน้ำท่วมขังหรือน้ำหลากได้ขณะเดียวกัน พายุโซนร้อน “ดานาส” (DANAS) ซึ่งก่อตัวบริเวณทะเลจีนตะวันออก มีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งประเทศจีนในช่วงวันที่ 8–9 กรกฎาคมนี้ โดยไม่มีทิศทางเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย และไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศของไทยโดยตรงในขณะนี้
เครดิตภาพ: ส่วนประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ สำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา, สำนักเครื่องจักรกล, สำนักงานชลประทานที่ 4 และ 7
