สภาองค์กรของผู้บริโภค เรียกร้อง นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจ พิจารณายับยั้ง การจัดซื้อ ชุดตรวจคัดกรองโควิดด้วยตัวเอง หรือ แอนติเจนเทสคิด ขององค์การเภสัชกรรม 8.5 ล้านชุด ออกไปก่อน โดย มองว่า ชุดตรวจ มีความแม่นยำต่ำกว่ามาตรฐาน รวมถึงให้ ครม. พิจารณาให้ สปสช.มีอำนาจในการจัดซื้อ ชุดตรวจคัดกรองโควิด-19ด้วยตัวเอง โดยตรง ที่มีประสิทธิภาพสูง มาแจกจ่ายให้กับประชาชน.

รวมถึง เรียกร้อง ถึงทาง พลเอก ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจ ยับยั้งในการจัดซื้อ ชุดตรวจ ATK ขององค์การเภสัชกรรมในครั้งนี้ไปก่อน ที่จะได้ยี้ห้อที่มีความแม่นยำ ร้อยละ 90 ซึ่งมองว่ายังไม่ดีพอ เมื่อเทียบกับข้อกำหนดมาตราฐานต่างประเทศ ถึงแม้จะมีราคาถูก ก็ตาม
รวมถึงให้นำปัญหาดังกล่าว เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อที่จะพิจารณาว่า มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่จะให้ครม.มีมติเห็นชอบให้ทาง สปสช.ดำเนินการจัดซื้อชุดตรวจ ATK เพื่อที่จะแก้ปัญหาโควิด เพื่อให้ได้ชุดตรวจที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และก็สามารถใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ ในการลดการแพร่ระบาดโควิด. โดยขอให้พิจารณาปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องเร่งด่วน

นอกจากนี้ ยังได้รับข้อมูลจากประชาชนจำนวนหนึ่ง ที่แจ้งว่าชุดตรวจด้วยตนเองที่มีจำหน่ายในร้านยาทั่วไป มีราคาค่อนข้างสูง จึงอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบและกำกับดูแลราคาของชุดตรวจให้มีความเหมาะสมเพื่อให้เป็นทางเลือกสำหรับประชาชนในการตรวจคัดกรอง โควิด-19 ด้วยตนเองได้
ทางกลุ่มเครือข่ายย้ำว่า การออกมาแสดงข้อคิดเห็นในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการวิจารณ์เพื่อด้อยค่า ผลิตภัณฑ์ของผู้ผลิตรายใดรายหนึ่งหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการแก้ไขปัญหาการจัดหาชุดตรวจ ATK ที่ดีและสังคมให้การยอมรับเพื่อ ให้สามารถดำเนินการจัดหาชุดตรวจได้เร็วและแล้วเสร็จทันตามช่วงที่มีการระบาด

ขณะนี้ชุดตรวจคัดกรองด้วยตัวเอง โควิด หรือ แอนติเจนเทสคิด ถือเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการที่จะทำให้ประชาชน เข้าถึงการตรวจได้รับการรักษา ที่สำคัญจะต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบว่าชุดตรวจ ชนิดไหนยี่ห้อใดที่มีประสิทธิภาพ
สำหรับชุดตรวจ ATK ที่ชมรมแพทย์ชนบทเอามาใช้ เป็นชุดตรวจมาตรฐานที่ผ่านการรับรองจาก องค์การอนามัยโลก ว่า มีความแม่นยำสูงมาก เช่น กันตรวจคัดกรองเชิงรุก ในครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ประชาชนที่ได้รับการตรวจด้วยชุดตรวจ ATK จากการตรวจประชาชนที่มีผลบวก100% ทุกคนจะได้รับการตรวจเชื้อซ้ำด้วยวิธีมาตรฐานRT-PCR พบว่า ความแม่นยำของชุดตรวจแอนติเจนเทสคิด อยู่ที่ร้อยละ 99.8
ซึ่งการจะใช้ชุดตรวจคัดกรองด้วยตัวเองจะต้องมีความแม่นยำสูงจริงๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจจากประชาชนที่นำไปตรวจเอง และผู้ให้บริการ แพทย์ พยาบาลที่ต้องรับช่วงต่อในรับรักษาผู้ติดเชื้อ อย่างไรก็ตามชุดตรวจคัดกรอง โควิด-19 ที่นำมาใช้นั้น จะต้องผ่านมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็น จากองค์การอนามัยโลก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาในหลายๆประเทศ ที่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งควรจะต้องได้มาตรฐานอันเดียวกัน
ส่วนประเด็นมาตรฐานความไวของชุดตรวจคัดกรองโควิดด้วยตัวเอง หรือ แอนติเจนเทสคิด ที่ทางอย.ไทย รับรองกำหนดความไวของชุดตรวจ อยู่ที่ร้อยละ 90 ซึ่งอาจพบผลลบปลอมได้ร้อยละ8 แต่ขององค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ ความไว อยู่ที่ร้อยละ 95 นั้น อาจพบผลลบปลอม ร้อยละ5 ทำให้เกิดข้อกังวล ถึงชุดตรวจATKที่ทางอย. ที่จัดซื้อมา นาย มิตร์ เทียนอุดม กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มองว่า ส่วนต่างของค่าเฉลี่ยที่อาจจะเกิดผลลบปลอม ของไทยที่กำหนดไว้ร้อยละ 90 และขององค์การอนามัยโลกที่กำหนดไว้ร้อยละ 95นั้น เท่ากับว่าในร้อยคน จะมีคน 8 คน ที่อาจเกิดผลลบปลอมได้ หมายความว่าคน 8 คนนี้ ก็จะไม่รู้ว่าติดเชื้อ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อความเจ็บป่วยและเข้ารับการรักษาไม่ทัน
ทั้งนี้ จากการสอบถามไปยังบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้ทำการใช้ชุดตรวจโควิดจากบริษัท ที่อภ.ทำการจัดซื้อมา พบว่า มีความใช้ยาก เนื่องจากก้านที่ใช้ทำการตรวจ เมื่อแหย่ในจมูกเสร็จแล้ว ต้องนำมาเสียบใส่รูในแผ่นกระดาษ ซึ่งต้องค่อยๆทำ รวมถึงมีความยุ่งยากในการหยอดน้ำยา. หัวใจสำคัญของชุดตรวจคัดกรองโควิดด้วยตัวเอง อีกประการ คือ จะต้องมีขั้นตอนที่ง่ายสำหรับให้ประชาชนตรวจด้วย
























