“สทนช.” เร่งเดินน้าสรุปผลศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) ขีดเส้นแล้วเสร็จภายใน ก.พ.นี้ พร้อมดันเป็นทางเลือกบริหารจัดการปัญหาวิกฤติลุ่มน้ำมูลทั้งระบบ หวังช่วยคนอีสาน 10 จว.พ้นวิกฤติแล้ว-ท่วมซ้ำซากในอดีต


สำหรับขอบเขตพื้นที่ศึกษาครั้งนี้รวมทั้งสิ้น 1,282 ตำบล 151 อำเภอ ใน 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร อำนาจเจริญ ขอนแก่น มหาสารคาม และร้อยเอ็ด ระยะเวลาดำเนินการ 1 ปี จากผลการศึกษาเบื้องต้นได้นำเสนอทางเลือก อาทิ การพัฒนาพื้นที่เกษตรเป็นแหล่งเก็บกักน้ำชั่วคราว การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ การเชื่อมโยงแหล่งน้ำขนาดเล็กเข้าด้วยกัน การเก็บกักน้ำส่วนเกินในฤดูฝนเพื่อใช้ในฤดูแล้ง แนวทางพัฒนาหาน้ำต้นทุนจากแหล่งที่มีน้ำต้นทุนขนาดใหญ่ การผันน้ำจากพื้นที่ข้างเคียง การสนับสนุนการวิจัยการลดการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ การจัดทำโครงสร้างใต้ดินเพื่อจัดเก็บน้ำส่วนเกิน (บ่อกักเก็บน้ำฝนใต้ดิน) และระบบเครือข่ายเชื่อมโยงสถานีตรวจสอบคุณภาพน้ำอัตโนมัติเพื่อติดตามและตรวจสอบคุณภาพน้ำ (Real time) เป็นต้น
โดยผลการศึกษาใกล้จะแล้วเสร็จตามแผนภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 นี้ เพื่อนำไปสู่การประเมินทางเลือกที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ และสรุปผลการศึกษา SEA ให้กับหน่วยงานและประชาชนในพื้นที่นำไปสู่การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำมูลอย่างสมดุลและยั่งยืน ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับประเด็นยุทธศาสตร์ ในการพัฒนาการจัดการน้ำเชิงลุ่มน้ำทั้งระบบเพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านน้ำของประเทศภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580 ) และแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20ปี (พ.ศ.2561-2580)
“ในกระบวนการ SEA สทนช.เน้นย้ำให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วม ตั้งแต่การวิเคราะห์ปัญหา สาเหตุ แนวทางการแก้ไข และทางเลือกของแผนงาน โดยมีการประชุมแบบเวทีย่อย ประชุมกลุ่มย่อย การสำรวจเศรษฐกิจสังคมในเชิงพื้นที่ รวมทั้งการจัดเวทีรับฟังข้อคิดเห็นจากคณะกรรมการลุ่มน้ำประกอบด้วย เพื่อให้สาธารณชนมีส่วนร่วมในการพิจารณาแผนงานให้เหมาะสมกับการพัฒนาในพื้นที่ของตนเอง ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงทรัพยากรน้ำ เสริมสร้างคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับประชาชนได้อย่างยั่งยืน”ดร.สมเกียรติ กล่าว


























