
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการลดราคาสินค้าใน 6 กลุ่มสำคัญซึ่งเป็นสินค้าที่จำเป็นที่จะต้องใช้ในชีวิตประจำวันประกอบด้วย กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มอาหารปรุงสำเร็จแช่แข็ง กลุ่มซอสปรุงรส กลุ่มของใช้ประจำวัน กลุ่มผลิตภัณฑ์ชำระร่างกาย และกลุ่มผลิตภัณฑ์ซักล้าง

“ผมเห็นว่าถ้าเราจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไปในเชิงลึกมากยิ่งขึ้นเพราะ 2 รอบที่ผ่านมาได้รับเสียงตอบรับอย่างดีโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนล็อตที่ 3 จึงเกิดขึ้นเป็นโครงการภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในได้ร่วมมือการห้างสรรพสินค้าท้องถิ่นทั่วทั้งประเทศจาก 67 จังหวัดโดยมีห้างท้องถิ่นทั้งหมดรวม 158 ห้าง 287 สาขาที่กระจายอยู่ในทุกภาคทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการและมีสินค้าเพิ่มเติมจากล็อตที่สองอีกจำนวนถึง 1,717 ใช้การเข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนล็อตที่ 3 และลดราคาสูงสุดร้อยละ 68 เช่นเดียวกัน” นายจุรินทร์กล่าว

ประการที่สอง ก็เท่ากับเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าของเงินเยียวยาของรัฐบาลที่จ่ายเงินให้กับผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนคนละ 5,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือนซึ่ง 5,000 บาทต่อเดือนนั้นถ้านำมาซื้อสินค้าลดราคาสมมติเฉลี่ยลดร้อยละ 60 ก็จะเท่ากับว่าเงิน 5,000 บาท ท่านสามารถซื้อสินค้าได้มากขึ้นอีก 3,000 บาท อีกนัยหนึ่งก็หมายความว่าเงินเยียวยาที่รัฐบาลจ่ายให้กับผู้มีคุณสมบัติเดือนละ 5,000 บาทนั้นจะงอกเป็นเดือนละ 8,000 บาท ถ้าเป็นเวลาสามเดือนก็จะเป็น 24,000 บาท
และประการสุดท้ายที่สำคัญที่สุดผมได้คุยกับเจ้าของห้างท้องถิ่นทั่วทั้งประเทศ เมื่อสักครู่มีความเห็นตรงกันว่าโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนล็อตที่ 3 นั้น จะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของพี่น้องประชาชนและเป็นการช่วยให้เกิดการหมุนเวียนซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมต่อไปแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากในสถานการณ์โควิดนี้ก็ตาม
” ขอขอบคุณห้างสรรพสินค้าท้องถิ่นทั้งหมดจาก 67 จังหวัด 158 ห้าง 287 สาขาทั่วประเทศที่ได้ร่วมมือร่วมใจกับกระทรวงพาณิชย์ในการเข้ากับโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนหวังว่าจะมีส่วนสำคัญในการช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว
























