อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ย้ำ หากไม่ป่วย ไม่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค ตรวจไปก็เปล่าประโยชน์ และการตรวจเชื้อจำนวนมากไม่ได้ช่วยในการควบคุมโรค แต่สิ่งสำคัญต้องตรวจให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย พร้อมขยายห้องปฏิบัติการให้ได้ 40 แห่ง และเตรียมขยายเพิ่มให้ได้ 100 แห่งทั่วประเทศ

เช่น การนำตัวอย่างเชื้อ บริเวณคอ เยื้อบุจมูก หลังคอ คอหอย / ถ้าเชื้อลงปอด ก็ต้องตรวจเชื้อ ซึ่งการตรวจหาเชื้อในแต่ละครั้ง ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในการตรวจ
ขณะที่การตรวจด้วยเลือด (Rapid test ) เริ่มเป็นที่นิยมในปัจจุบัน โดยเป็น การตรวจหาระดับภูมิคุ้มกัน หลังจากเริ่มมีอาการ5-7 วัน แต่ส่วนใหญ่เชื้อจะไม่ได้อยู่ที่เลือด / ส่วนการตรวจเชื้อแบบไดรฟ์ทรู ต้องระวัง เนื่องจากการเก็บเชื้ออาจปนเปื่อนกับสิ่งแวดล้อมได้ คนที่เก็บตัวอย่างเชื้อ และคนที่จะส่งตัวอย่างเชื้อจะต้องมีการใส่ป้องกันอย่างดี

ซึ่งในช่วงฟักตัว14 วัน ผลตรวจจากห้องปฏิบัติการ จะเป็นส่วนสำคัญในการนำไปสู่การรักษาผู้ป่วยแต่ข้อจำกัดของการตรวจเชื้อ ส่วนใหญ่ ต้องเริ่มมีอาการก่อนถึงจะเจอเชื้อ โดยเมื่อมีอาการป่วยเข้าข่ายสอบสวนโรค จะตรวจเจอเชื้อเกือบ100%
โดย ย้ำว่า การตรวจผลจากห้องปฏิบัติการ หากผลเป็นลบ ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ติดเชื้อ เนื่องจากยังอยู่ในช่วงระยะฟักตัว14 วัน
.
ทั้งนี้ การตรวจเชื้อมากหรือน้อย ไม่ใช่ปัจจัยหลักในการควบคุมโรค ซึ่งการตรวจหาเชื้อที่สำคัญคือ การตรวจให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ที่สำคัญ ที่ต้องเร่งดำเนินการ คือทำอย่างไรให้กลุ่มเป้าหมายได้มีการตรวจให้ได้มากที่สุด
ในการตรวจเชื้อ ผลตรวจจากห้องปฏิบัติการ 2 แห่ง จะต้องยืนยันตรงกัน รวมถึงจะต้องพิจารณาข้อมูลอาการป่วย จากผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์การสอบสวนโรค / ประวัติการเดินทางจากพื้นที่เสี่ยง การสัมผัส จากนั้นจะนำ ข้อมูลทั้งหมด เข้าคณะผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัส ด้านระบาดวิทยา และด้านคลีนิค พิจารณาร่วมกัน

จากนั้น เจ้าหน้าที่จะทำการสกัดหาสารรหัสพันธุกรรมของตัวอย่างเชื้อ และตรวจตัวอย่างเชื้อผ่านชุดน้ำยาทดสอบ หาก พบว่า เป็นเชื้อโควิด กราฟเส้นสีแดงจะปรากฏบนหน้าจอ
ซึ่งการตรวจวิเคราะห์สารพันธุกรรม ของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ทำด้วยเทคนิค เรียลไทม์ RT-PCR ใช้เวลาตรวจวิเคราะห์และรู้ผลภายใน 3 ชั่วโมง
ปัจจุบัน การตรวจหาเชื้อในห้องปฏิบัติการ กรมวิทย์ฯ มีประมาณวันละ 4,000-5,000 ราย สำหรับต้นทุนในการตรวจห้องปฏิบัติการ ประมาณ 2,500 บาท แบ่งเป็น ค่าน้ำยาในการเพิ่มปริมาณของเชื้อ / น้ำยาสกัดเชื้อ
.
ทาง อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ย้ำ หากไม่มีอาการ ถึงตรวจก็ไม่พบเชื้อ คำแนะนำการตรวจหาเชื้อ ถ้าอยู่ในกลุ่มผู้ป่วยสอบสวนโรค หรือ PUI คือ กลุ่มเสี่ยง ที่มีประวัติเดินทางกลับจากต่างประเทศ สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เดินทางจากประเทศเสี่ยงระบาด ทำงานใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยง ให้รีบไปตรวจที่โรงพยาบาล ตรวจฟรี หากไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงไม่แนะนำให้ตรวจ แต่ให้เฝ้าระวังตัวเองสังเกตอาการ14วัน
และในเบื้องต้น การตรวจหาเชื้อ ในกลุ่มผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค ตรวจฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่หากไม่มีอาการ ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงที่เฝ้าระวัง แล้วอยากตรวจเพื่อความสบายใจ อาจมีค่าใช้จ่าย
ส่วนการรับรองชุดตรวจโควิด-19 ของเอกชน และสถาบันการศึกษา ขณะนี้รับรองไปแล้ว 5 ราย และจะทยอยรับรองอีกไม่เกิน 2 สัปดาห์นี้ แต่ที่ผ่านมาหลายแหงที่มาขอยื่นรับรองตรวจแล้วก็ไม่ผ่านมาตรฐาน



























