กรมอนามัย เผยผู้ต้องขังกว่าร้อยละ 80 มีปัญหาสุขภาพช่องปาก พบ ‘ฟันผุ – ปริทันต์’ ระดับสูง กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนโครงการจัดบริการสุขภาพช่องปากผู้ต้องขัง หวังให้ผู้ต้องขังทุกคนเข้าถึงบริการรักษา ส่งเสริม ฟื้นฟู สุขภาพช่องปาก ได้ตามสิทธิขั้นพื้นฐานและเท่าเทียมตามหลักมนุษยธรรม ภายใต้โครงการ “ราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขัง ให้มีสุขภาวะที่ดี

“สำหรับแนวทางและมาตรการในการจัดบริการสุขภาพช่องปากผู้ต้องขัง ดังนี้ 1) สนับสนุนองค์ความรู้และสื่อการเรียนการสอนทันตสุขภาพให้แก่ผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่เรือนจำ 2) พัฒนาอาสาสมัครสาธารณสุขในเรือนจำ (อสรจ.) เป็นผู้ช่วยเหลือเพื่อนผู้ต้องขังในการดูแลสุขภาพช่องปาก 3) พัฒนารูปแบบและนวัตกรรมในการดูแลสุขภาพช่องปากที่เหมาะสมกับผู้ต้องขังและบริบทของเรือนจำ และ 4) เพิ่มการจัดบริการ ส่งเสริม รักษา ป้องกัน และฟื้นฟู สุขภาพช่องปาก เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถเข้าถึงบริการพื้นฐานตามความจำเป็นในชุดสิทธิประโยชน์ทางทันตกรรมในหน่วยบริการสถานพยาบาลเรือนจำ โดยตั้งเป้าหมายผู้ต้องขังสามารถได้รับบริการมากกว่า 12,000 คน ในระยะเวลา 1 ปี” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ทางด้านทันตแพทย์หญิงปิยะดา ประเสริฐสม ผู้อำนวยการสำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การดูแลสุขภาพช่องปากสำหรับผู้ต้องขัง ควรยึดหลัก 2-2-2 คือ แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ โดยเน้นช่วงก่อนนอน แปรงฟันนานอย่างน้อย 2 นาที ให้สะอาดทั่วทั้งปาก ทุกซี่ ทุกด้าน และไม่กินขนม หรืออาหารหวานหลังแปรงฟัน 2 ชั่วโมง เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำความสะอาดได้มากกว่า และเน้นให้ผู้ต้องขัง ‘รู้ เลือก เลี่ยง’ มีความรู้ในการดูแลสุขภาพช่องปาก เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายและฟัน หลีกเลี่ยงปัจจัยและพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคในช่องปาก นอกจากนี้ การสร้างหรือพัฒนารูปแบบการจัดบริการส่งเสริมทันตสุขภาพผู้ต้องขังผู้สูงอายุและก่อนวัยสูงอายุ จึงเป็นภารกิจที่สำคัญที่ต้องอาศัยความร่วมมือ จากภาคีเครือข่ายเพื่อให้ผู้ต้องขังทุกคนสามารถเข้าถึงบริการรักษา ส่งเสริม ฟื้นฟู สุขภาพช่องปากได้ตามสิทธิขั้นพื้นฐานและเท่าเทียมตามหลักมนุษยธรรม และเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ























