ฝนหนักสุดในรอบ 300 ปี ถล่มหาดใหญ่ กรมชลฯเร่งระบายน้ำเต็มศักยภาพ ลดผลกระทบ

0
73638

เปิดสาเหตุหลักน้ำท่วมภาคใต้ เกิดจากฝนตกหนัก 24 ชั่วโมง มีปริมาณฝนสะสมมากกว่า 300 – 500 มิลลิเมตร (มม.) กรมชลประทาน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำอย่างเต็มศักยภาพ

ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน เปิดเผยถึงสาเหตุน้ำท่วมหนักในพื้นที่ภาคใต้ เกิดจากตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย. 68 จนถึงปัจจุบัน อิทธิพลของร่องมรสุมและหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคใต้ และภาคใต้ตอนล่าง ทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ของภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป ส่งผลให้เกิดอุทกภัยรวม 10 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สตูล สงขลา พัทลุง ตรัง นราธิวาส ปัตตานี และ ยะลา โดยปริมาณฝนสะสม 24 ชั่วโมง วัดได้มากกว่า 300 – 500 มม.

สำหรับจังหวัดสงขลา มีฝนตกหนักครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะที่อำเภอหาดใหญ่ ที่วัดปริมาณฝนสูงสุดเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 68 วัดได้ 335 มม.ซึ่งเป็นปริมาณฝนตกหนักในรอบ 300 ปี สำหรับปริมาณฝนสะสม 3 วันย้อนหลัง (19 – 21 พ.ย. 68) ได้สูงสุดถึง 630 มม. (มากกว่าครั้งที่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ของอำเภอหาดใหญ่ เมื่อปี 2553 ที่มีปริมาณฝนสะสมสูงสุด 428 มม.) มีน้ำท่วมในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ระดับน้ำสูงเฉลี่ย 0.50 – 2.50 เมตร นอกจากนี้ ปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลัก สายรอง รวมทั้งคลองสายต่างๆ ก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในหลายพื้นที่ อาทิ คลองวาด คลองอู่ตะเภา คลองต่ำ คลองหวะ รวมถึง คลองภูมินาถดำริ (คลองระบาย ร.1) ที่เป็นคลองขุดระบายน้ำสายใหม่ ที่ใช้ผันน้ำจากคลองอู่ตะเภาไปลงทะเลสาบสงขลาได้เร็วขึ้น มีศักยภาพในการระบายน้ำได้ 1,200 ลบ.ม./วินาที ช่วยลดปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ได้เป็นอย่างมาก ขณะนี้ยังคงมีฝนตกในพื้นที่ แต่มีแนวโน้มลดลง หากไม่มีฝนเพิ่ม คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 3 – 5 วัน

กรมชลประทานได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำจำนวน 32 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำ 14 ชุด เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด

ทั้งนี้ ปริมาณฝนที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ สูงเกินกว่าศักยภาพการออกแบบของคลองภูมินาถดำริ (คลองระบาย ร.1) แต่ด้วยความสามารถในการระบายน้ำ 1,200 ลบ.ม./วินาที และมีสถานีสูบน้ำบางหยีศักยภาพ 90 ลบ.ม./วินาที ที่ปลายคลอง ยังมีส่วนสำคัญช่วยลดน้ำที่จะไหลเข้าสู่เขตอำเภอหาดใหญ่ ซึ่งหากไม่มีคลอง ร.1 สถานการณ์น้ำที่ อ.หาดใหญ่ อาจรุนแรงกว่าที่เกิดขึ้นในปัจจุบันอย่างมาก

เมื่อน้ำในคลองไม่ล้นตลิ่งแล้ว กรมชลประทานจะระดมเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำต่อไป