มกอช. นำทัพผู้แทนไทยร่วมประชุมคณะกรรมาธิการโคเด็กซ์ (CAC) ครั้งที่ 48 ณ กรุงโรมประเทศอิตาลี ผลักดันประเด็นสำคัญสำเร็จหลายเรื่อง

0
73441

นายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า มกอช. ได้มอบหมายให้ ดร.พงศ์ไท ไทโยธิน รองเลขาธิการ มกอช. ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ในการประชุมคณะกรรมาธิการโคเด็กซ์ (Codex Alimentarius Commission; CAC) ครั้งที่ 48 กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี พร้อมด้วย นางสาวณมาพร อัตถวิโรจน์ ผู้อำนวยการกลุ่มมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ สำนักกำหนดมาตรฐาน ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมปศุสัตว์ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

ในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณารับรองร่างมาตรฐานที่เสนอโดยคณะกรรมการโคเด็กซ์สาขาต่าง ๆ การให้ความเห็นชอบงานใหม่ การพิจารณาการดำเนินงานและงบประมาณของโคเด็กซ์ และกรอบการติดตามผลสำหรับแผนยุทธศาสตร์ของโคเด็กซ์ปี ค.ศ. 2026- 2031 (Codex Strategic Plan 2026 – 2031) โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ 1.การรับรองการปรับแก้ไขคู่มือการทำงานของโคเด็กซ์ให้ทันสมัย สอดคล้องกับการดำเนินงานจริง โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยี (virtual) ในการประชุม และปรับถ้อยคำให้สอดคล้องกันมากขึ้น
2.การรับรองเพื่อประกาศใช้มาตรฐาน การยกเลิกมาตรฐาน และการยุติการดำเนินงาน จำนวน 24 เรื่อง โดยมีประเด็นที่ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญ ได้แก่
– การรับรองค่าปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด (Maximum Residue Limits; MRLs) จำนวน 340 ค่า โดยประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการผลักดันค่า MRLs สำเร็จ 2 สารสำคัญในข้าวไทย ได้แก่
• สาร fosetyl aluminum สำหรับข้าวที่ 40 mg/kg และข้าวขัดสีที่ 40 mg/kg
• สาร novaluron สำหรับข้าวที่ 5 mg/kg และข้าวขัดสีที่ 0.15 mg/kg ซึ่งเป็นผลจากความร่วมมือระหว่าง มกอช. และกรมวิชาการเกษตร ในการนำข้อมูลวิทยาศาสตร์ของไทยผลักดันเป็นมาตรฐานระหว่างประเทศ ตอบโจทย์ความสำคัญของ ‘ข้าว’ ในฐานะพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศ โดยมีมูลค่าส่งออก ในเดือนมกราคม-กันยายน 2568 รวมเป็นมูลค่ามากถึง 111,959 ล้านบาท จากปริมาณการส่งออกข้าว 5,799,032 ตัน นอกจากนี้ มกอช. และกรมวิชาการเกษตรยังมีแผนผลักดัน การกำหนดค่า MRLs เพิ่มเติมในสาร chlorantraniliprole ในทุเรียนและมะเขือเปราะ โดยเสนอให้คณะกรรมาธิการโคเด็กซ์ (Codex Alimentarius Commission) รับรองแผนการประเมินความปลอดภัยของวัตถุอันตรายทางการเกษตร เพื่อกำหนดค่า MRLs ต่อไป
– การยกเลิกค่า Codex MRLs (CXLs) จำนวน 352 ค่า ซึ่งประเทศไทยได้แจ้งขอสงวนสิทธิ์ต่อการยกเลิกค่า CXLs ของสาร amitraz เนื่องจากเป็นสารที่ไม่มีข้อกังวลด้านสุขภาพต่อผู้บริโภคและยังคงมีการขึ้นทะเบียนและใช้ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย
– การรับรองวิธีวิเคราะห์และ performance criteria ของมาตรฐานโคเด็กซ์ในสาขาโภชนาการและอาหารที่มีวัตถุประสงค์พิเศษ สาขานมและผลิตภัณฑ์นม และสาขาสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบตามข้อเสนอของประเทศไทยในการคงรายละเอียดวิธีวิเคราะห์ salt saturation สำหรับสินค้า Salted fish and dried salted fish of the Gadidae family พร้อมทั้งสูตรคำนวณและการเตรียมตัวอย่าง
3.การรับรองข้อเสนองานใหม่ จำนวน 13 เรื่อง โดยมีเรื่องสำคัญ เช่น มาตรฐานบร็อกโคลีสด แผนการประเมินวัตถุเจือปนอาหาร สารแต่งกลิ่นรส สารช่วยในการผลิต และวัตถุอันตรายทางการเกษตร สำหรับมาตรฐานน้ำนมอูฐพลาสเจอร์ไรซ์ มอบหมายให้คณะกรรมการโคเด็กซ์ สาขานมและผลิตภัณฑ์นม (CCMMP) กลับมาดำเนินการใหม่ในรูปแบบการทำงานผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (working by correspondence) และการปรับมาตรฐานระดับภูมิภาคสำหรับผลิตภัณฑ์สาหร่ายแห้ง (CXS 323R-2017) ให้เป็นมาตรฐานระหว่างประเทศ มอบหมายให้คณะกรรมการโคเด็กซ์ สาขาสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ (CCFFP) ดำเนินการ
4.เห็นชอบการปรับแก้ไขมาตรฐานกิมจิ (CXS 223-2001) โดยปรับ product definition ของกิมจิให้ชัดเจน และใช้ภาษาให้สอดคล้องกับมาตรฐาน Classification of Foods and Animal Feeds (CXA 4-1989)
5.ที่ประชุมมีมติเลือกประธานและรองประธานของคณะกรรมาธิการโคเด็กซ์ชุดปัจจุบันได้เพื่อดำรงตำแหน่งเป็นวาระที่ 2 ได้แก่ Mr. Allan Azegele จากสาธารณรัฐเคนยา ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการโคเด็กซ์ Mr. Khalid Saud Al Zahrani ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย Dr. Jing TIAN สาธารณรัฐประชาชนจีน และ Ms. Dr. Betül VAZGEÇER สาธารณรัฐตุรกี ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งรองประธานคณะกรรมาธิการโคเด็กซ์
6. เห็นชอบการแต่งตั้งสาธารณรัฐเกาหลีเป็นเจ้าภาพรับผิดชอบหน้าที่ประธานของคณะกรรมการโคเด็กซ์ สาขาผักและผลไม้แปรรูป (CCPFV) แทนสหรัฐอเมริกา
7.การรับรองกรอบการติดตามผลสำหรับแผนยุทธศาสตร์ของโคเด็กซ์ปี ค.ศ. 2026- 2031 ซึ่งได้มีการปรับแก้ไขตัวชี้วัดตามข้อเสนอของประเทศไทย เพื่อให้การกำหนดกรอบการติดตามมีความชัดเจน สามารถติดตามความคืบหน้าตามตัวชี้วัดได้ และเกิดประโยชน์ต่อการดำเนินงานของโคเด็กซ์บนพื้นฐานของการใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ ความโปร่งใส ความครอบคลุม การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและการเสริมสร้างความรู้


การเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้สะท้อนบทบาทของประเทศไทยในการผลักดันมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศอย่างเข้มแข็ง เพื่อให้การกำหนดมาตรฐานของโคเด็กซ์เป็นไปบนพื้นฐานของข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ สามารถปฏิบัติตามได้จริง คำนึงถึงการปกป้องสุขภาพผู้บริโภค ตลอดจนผลกระทบต่อการผลิตและการค้า ทั้งนี้เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความปลอดภัยสูงสุด และสนับสนุนการค้าของประเทศไทยให้สอดคล้องตามมาตรฐานสากล