วันนี้ (27 ส.ค.65) ที่เขื่อนพระรามหกจ.พระนครศรีอยุธยา นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วย ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน นายเอนก ก้านสังวอน ผู้อำนวยการสำนักเครื่องจักรกล และ ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ และโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมี นายสุรัช ธนูศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 นายชุติมันต์ สกุลพราหมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 11 นายชูพงศ์ อิศรัตน์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ นายนรเศรษฐ์ ฤกษ์สงเคราะห์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาผักไห่ นายชวลิต ฉลอม ผู้อำนวยส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 12 และผู้เกี่ยวข้อง บรรยายสรุปสถานการณ์น้ำ

ทั้งนี้ หากมีปริมาณฝนตกสะสมต่อเนื่องในระยะนี้ ตามคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่จะส่งผลให้เขื่อนป่าสักฯ มีปริมาณน้ำสูงขึ้นเกินเกณฑ์ที่กำหนด กรมชลประทาน จำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำให้อยู่ในอัตรา 500 ลบ.ม./วินาที โดยจะทยอยปรับเพิ่มแบบขั้นบันไดเพื่อลดผลกระทบพื้นที่ท้ายน้ำ พร้อมบริหารจัดการน้ำด้านท้ายเขื่อน ด้วยการควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระรามหก ไม่ให้เกิน 600 ลบ.ม./วินาที รวมทั้งผันน้ำเข้าสู่ คลองระพีพัฒน์ ผ่านประตูระบายน้ำพระนารายณ์ เพื่อช่วยลดปริมาณน้ำในแม่น้ำป่าสัก
ด้านสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีน้ำไหลผ่าน 1,558 ลบ.ม./วินาที และยังคงควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ในอัตรา 1,500 ลบ.ม./วินาที แนวโน้มระดับน้ำเริ่มทรงตัว กรมชลประทาน ยังคงเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลให้เร็วที่สุด เพื่อรองรับปริมาณน้ำเหนือที่จะไหลลงมาในระยะนี้ โดยจะบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ตอนล่างให้มากที่สุดด้วย





























