
ทั้งนี้ ผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ อยู่ระหว่างการจัดทำแผนงานฟื้นฟูภาคเกษตร ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการฟื้นฟูเศรษฐกิจตามพ.ร.ก. เงินกู้ ในกรอบวงเงินงบประมาณ 400,000 ล้านบาท โดยจะเสนอแผนการเพิ่มศักยภาพแหล่งเก็บกักน้ำให้คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้พิจารณา โดยนำต้นแบบของกรมชลประทาน ที่เข้าไปดำเนินการที่อ่างเก็บน้ำหนองช้างใหญ่ อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานีไปขยายผล

นายเฉลิมชัยฯ กล่าวต่อว่า ผลที่จะได้รับมีหลายประการคือ เกษตรกรมีน้ำเพียงพอทำการเกษตร ทั้งยังสามารถบรรเทาปัญหาอุทกภัย และเพิ่มพื้นที่ชลประทาน เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำของชุมชน รวมทั้งเป็นแหล่งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้กับชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียง ดังนั้นจะนำ “หนองช้างใหญ่โมเดล” เป็นต้นแบบขยายผลในการเพิ่มศักยภาพของแหล่งเก็บกักน้ำที่ใช้งานมานานทั่วประเทศ
“แหล่งน้ำเป็นปัจจัยสำคัญของการผลิตภาคการเกษตร ซึ่งได้ให้นโยบายเรื่องเพิ่มศักยภาพแหล่งเก็บกักน้ำมาตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเกิดวิกฤติโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญต่อการฟื้นฟูภาคเกษตรเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ จึงต้องเร่งรัดการเพิ่มศักยภาพแหล่งน้ำ ให้รองรับการผลิตภาคการเกษตรที่จะขยายตัวขึ้น” นายเฉลิมชัยฯ กล่าว

ส่วนในปี 2564 มีแผนงานขุดลอกเพิ่มอีก 9.50 ล้าน ลบ.ม. เพื่อให้ได้ความจุเป็น 23.175 ล้านลบ.ม. นอกจากนี้ จะทำการก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านแคน สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านทุ่งใหญ่ สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านนาดี และสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านยาง เพื่อเพิ่มพื้นที่ชลประทานอีก 8,000 ไร่ รวมเป็น 12,300 ไร่ มีพื้นที่รับประโยชน์เพิ่มขึ้น 16,200 ไร่ รวมเป็น 19,700 ไร่ โครงการฯนี้จะช่วยให้เกษตรกรมีน้ำใช้ตลอดทั้งปี แม้ในฤดูแล้ง รวมทั้งยังป้องกันและบรรเทาอุทกภัยได้อีกด้วย

























