การขนส่งผลไม้สดจากไทยไปจีน การขนส่งทางบก ถือเป็นวิธีการขนส่งที่ได้รับความนิยมของผู้ส่งออกไทย เพราะมีระยะเวลาสั้นกว่าทางเรือ ทำให้ผลไม้ไทยมีคุณภาพและความสดยาวนานสามารถกระจายไปยังตลาดตามมณฑลต่างๆ ของจีนได้อย่างรวดเร็ว โดยจีนกำหนดว่า ประเทศที่ไม่มีพรมแดนติดกับจีน หากประสงค์จะขนส่งผลไม้ผ่านเส้นทางทางบกจะต้องจัดทำความตกลงในรูปแบบพิธีสาร ซึ่งไทยและจีน จึงได้ลงนามพิธีสารว่าด้วยการขนส่งผลไม้สดจากไทยไปจีนผ่านประเทศที่สามตั้งแต่ปี 2552 แต่สามารถนำเข้าได้เพียงสองด่านทางตอนใต้ของจีน ได้แก่ ด่านโม่หาน มณฑลยูนนาน และด่านโหย่วอี้กว่าน เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงเท่านั้น
ทั้งนี้ หลายปีที่ผ่านมา ปริมาณการขนส่งผลไม้สดจากไทยไปจีนโดยเส้นทางบกขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณหน้าด่านโหย่วอี้หว่าน ส่งผลให้รถขนส่งสินค้าติดอยู่ที่ชายแดนจีนเป็นเวลานาน ทำให้สินค้าผลไม้สดโดยเฉพาะทุเรียนไทยที่ส่งไปจีนเสียหายสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เล็งเห็นว่า การแก้ปัญหาที่ถูกต้องคือการเพิ่มช่องทางการนำเข้าผลไม้ผ่านเส้นทางทางบก เพื่อเป็นการกระจายสินค้าให้สามารถเข้าได้หลายช่องทาง ช่วยลดภาระการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในแต่ละด่าน ตลอดจนลดระยะเวลาในการตรวจปล่อยสินค้าของแต่ละด่านลง ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผลไม้ไทย



ดังนั้น มกอช. และกรมวิชาการเกษตร จึงได้เร่งหารือกับกระทรวงศุลกากรจีน (GACC) เพื่อขอเปิดใช้ด่านนำเข้าและเส้นทางตามพิธีสารฉบับใหม่ ซึ่งฝ่ายจีนได้แสดงน้ำใจอนุญาตให้ไทยขนส่งสินค้าผ่านด่านตงซิง และด่านรถไฟผิงเสียงได้ทันทีภายในเดือนเมษายนนี้ โดยยังไม่ต้องลงนามในพิธีสาร ซึ่งนับเป็นความช่วยเหลือของมหามิตรในยามยาก เป็นความร่วมมือระหว่างไทยและจีนที่เปรียบเสมือนบ้านพี่เมืองน้อง และมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกันมาช้านาน อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2563 เลขาธิการ มกอช. ได้ลงนามในหนังสือถึงกระทรวงศุลกากรของจีน (GACC) เพื่อนำส่งร่างพิธีสารฯ ฉบับดังกล่าวให้ฝ่ายจีนมีหนังสือแจ้งความเห็นชอบอย่างเป็นทางการมายังฝ่ายไทยอีกครั้ง เพื่อที่ มกอช. จะได้นำเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และเตรียมการสำหรับการลงนามระหว่างรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่าย เมื่อเหตุการณ์โรคระบาดสงบลงแล้ว
ปัจจุบันด่านตงซิงได้รับการพัฒนาและยกระดับให้สามารถนำเข้าผลไม้จากต่างประเทศได้ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้พร้อมรองรับการตรวจสอบผลไม้ที่จะนำเข้าจากต่างประเทศ โดยรัฐบาลได้จัดเตรียมพื้นที่สำหรับรองรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ได้ถึง 2,000 คันต่อวัน รวมทั้งนำระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ เพื่อให้การตรวจปล่อยสินค้าเป็นไปได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยล่าสุด ระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ ส่วนใหญ่เสร็จสมบูรณ์พร้อมรองรับการขนส่งแล้ว
“ในปี 2561 มีปริมาณการส่งออกผลไม้จากไทยไปจีนโดยเส้นทางขนส่งทางบกราว 664,000 ตันโดยมีปริมาณเพิ่มขึ้นกว่า 321,000 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่มีปริมาณการส่งออกราว 343,000 ตัน คิดเป็นปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 90 โดยในปี 2561 มีมูลค่าส่งออกกว่า 25,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทุกปี ซึ่งการเปิดด่านตงซิงดังกล่าว จะเป็นมาตรการในการรองรับการเติบโตของตลาดสินค้าผลไม้ไทยในจีนในอนาคตต่อไป”เลขาธิการ มกอช. กล่าวทิ้งท้าย


























