กรมหม่อนไหมแนะเกษตรกรทำสาวหม่อนไหม หรือตัดแต่งกิ่งหม่อนหรือต้นหม่อนให้ติดชิดพื้นดินทุกครั้งที่ตัดเพื่อเตรียมใบหม่อนปีละประมาณ 4 ครั้ง ในช่วงเวลา 1 ปี เพื่อควบคุมคุณภาพการผลิตใบหม่อนไหมได้ตลอดทั้งปี และสามารถวางแผนการเลี้ยงไหมได้แน่นอนและมีประสิทธิภาพ

โดยทั่วไปเกษตรกรควรตัดแต่งกิ่งหม่อนเพื่อเตรียมใบหม่อนในการเลี้ยงไหมแต่ละครั้ง ปีละ 3-4 ครั้ง ห่างกันประมาณ 2-3 เดือน เพื่อให้ต้นหรือกิ่งหม่อนเจริญเติบโตสม่ำเสมอ ซึ่งการตัดแต่งกิ่งหม่อน ทั้ง 4 ครั้ง มีการเรียงลำดับดังนี้คือ การตัดแต่งกิ่งครั้ง ที่ 1 เรียกว่าตัดต่ำ โดยตัดหม่อนไว้ตอสูงจากพื้นดิน 30-50 เซนติเมตร ปล่อยให้หม่อนเจริญเติบโตนาน 2.5-3 เดือน การตัดแต่งกิ่งหม่อนครั้งที่ 2 เรียกว่าตัดกลาง เพื่อนำใบไปเลี้ยงไหม จะตัดหม่อนสูงจากพื้นดิน 80-100 เซนติเมตร แล้วปล่อยให้หม่อนเจริญเติบโตนาน 2.5 เดือน การตัดแต่งกิ่งหม่อนครั้งที่ 3 เรียกว่าตัดแขนงครั้งที่ 1 เพื่อนำใบไปเลี้ยงไหม ครั้งที่ 2 ทิ้งไว้อีก 2.5 เดือน และ การตัดแต่งกิ่งหม่อนครั้งที่ 4 เรียกว่าตัดแขนง ครั้งที่ 2 เพื่อนำใบหม่อนไปเลี้ยงไหมครั้งที่ 3 ทิ้งต้นหม่อนให้เจริญเติบโตต่อไปอีก 2.5 เดือน จะตัดหม่อนอีกครั้งเพื่อนำใบไปเลี้ยงไหมครั้งที่ 4 เป็นการตัดแต่งหม่อนครบรอบปี แล้วจะไปตัดต่ำอีกครั้งในปีถัดไป ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการตัดต่ำในช่วงเดือน กุมภาพันธ์-เมษายน ซึ่งอยู่ในช่วงแล้งในเขตอาศัยน้ำฝน อาจทำให้ผลผลิตใบหม่อนที่ได้จากการตัดแต่งแต่ละครั้งไม่สม่ำเสมอหรือเท่ากันทุกครั้ง เนื่องจากวิธีการตัดแต่งที่แตกต่างกันปริมาณและความสม่ำเสมอของน้ำฝนที่หม่อนได้รับในแต่ช่วงของการตัดแต่ง ดังนั้น จึงจำเป็นต้องทำสาวหม่อนเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องนี้
ทั้งนี้ การทำสาวหม่อนคือการตัดแต่งกิ่งหม่อนหรือต้นหม่อนให้ติดชิดพื้นดินทุกครั้งที่ตัดเพื่อเตรียมใบหม่อนปีละประมาณ 4 ครั้ง และเพื่อให้ได้ปริมาณใบหม่อนใกล้เคียงกันทุกครั้ง ได้เปอร์เซ็นต์ใบสูงเหมาะสำหรับการเลี้ยงไหมเป็นกิ่งทำให้กากเหลือน้อย และได้กิ่งที่มีความยาวสม่ำเสมอ พอดีกับขนาดความกว้างของชั้นเลี้ยงไหม ทำให้สามารถวางแผนการเลี้ยงไหมได้แน่นอน ส่วนของงานผลิตพันธุ์คือการผลิตไข่ไหมก็จะมีข้อผิดพลาดน้อยในการเตรียมไข่ไหมให้เพียงพอกับความต้องการของเกษตรกร

สำหรับการรักษาความชื้นในดิน และการกำจัดวัชพืช จะมีการปราบวัชพืชด้วยการดาย หรือใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช เพียงครั้งเดียวในเดือน ตุลาคม – พฤศจิกายน จากนั้นจะใช้ฟางคลุมอย่างหลวมๆ ให้มีความหนาประมาณ 30-50 เซนติเมตรในช่วงธันวาคม เมื่อให้น้ำฟางจะยุบตัวลง แต่สามารถคุมวัชพืชได้ตลอดปี และรักษาความชื้นของดินได้ตลอดตั้งแต่เดือน พฤษภาคม – พฤศจิกายน นอกจากนั้นในแปลงที่ปฏิบัติเช่นนี้จะพบไส้เดือนที่เป็นประโยชน์ในการช่วยปรับโครงสร้างของดินมากกว่าในแปลงหม่อนที่ดูแลตามปกติ ส่วนการใส่ปุ๋ย หลังการกำจัดวัชพืชต้องใส่ปุ๋ยคอก อัตรา 2000 กิโลกรัม/ไร่ ส่วนปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 จะใส่ 3 ครั้ง หลังการตัดแต่งเพื่อเก็บผลผลิต 3 ครั้ง อัตราครั้งละ 25 กิโลกรัม แต่จะไม่ใส่ปุ๋ยเคมี เมื่อครั้งที่มีการใส่ปุ๋ยคอก สุดท้าย การตัดแต่ง จะต้องตัดชิดดินทุกครั้งห่างกันประมาณ 2-3 เดือน เพื่อให้ต้นหรือกิ่งหม่อนเจริญเติบโตสม่ำเสมอ ให้ผลผลิตใบ ประมาณ 1,040 กิโลกรัม/ไร่/ครั้ง หรือประมาณ 4,000 กิโลกรัม ไร่/ปี สามารถเลี้ยงไหมได้ครั้งละ 2 กล่อง หรือปีละ 8 กล่อง นอกจากนี้ การตัดแต่งกิ่งหม่อนนี้ยังช่วยลดการระบาดของโรคและแมลงศัตรูหม่อนด้วย



























