กระทรวงสาธารณสุข เผยค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กPM2.5 ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง แนะ 5 มาตรการสำคัญ ในการป้องกันและลดผลกระทบต่อสุขภาพ เน้นย้ำทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเฝ้าระวังดูแลสุขภาพประชาชน พร้อมแนะนำการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันตนเอง

1) เฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัย ผ่านศูนย์อำนวยการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยขณะนี้มี หน่วยงานสาธารณสุขในระดับจังหวัดและเขตสุขภาพ 3 แห่ง คือ สมุทรสงคราม ลำปาง และแพร่ เปิดศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (Public Health Emergency Operation Center : PHEOC) เพื่อเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพและประสานงานกับศูนย์ปฏิบัติการระดับจังหวัดเพื่อแก่ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
2) เฝ้าระวังการเจ็บป่วย ได้แก่ โรคระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบผิวหนัง ระบบตาและอื่นๆ รวมทั้งผลกระทบในระยะยาว เช่น โรคมะเร็ง รวมถึงเฝ้าระวังและตอบโต้ข่าวที่เป็นเท็จ
3) สื่อสาร สร้างความรอบรู้ แก่ประชาชน โดยจัดทำชุดความรู้และสื่อสารชุดความรู้ผ่านช่องทางต่างๆ ในทุกระดับ พัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่สาธารณสุข แกนนำชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร (ออส.) รวมถึงผู้ดูแลผู้สูงอายุและผู้ดูแลเด็กเล็กในระดับพื้นที่ พร้อมลงพื้นที่ให้ความรู้แก่ประชาชนในการดูแลสุขภาพและการป้องกันตนเอง
“4) ดูแลสุขภาพและจัดระบบบริการสาธารณสุขโดยสนับสนุนหน้ากากอนามัย 400,000 ชิ้น และเปิดคลินิกมลพิษในพื้นที่เสี่ยงครอบคลุมทั้ง 13 เขตสุขภาพ รวมทั้งจัดทำห้องปลอดฝุ่น จำนวน 83 แห่ง แบ่งเป็นในพื้นที่หมอกควัน ภาคเหนือ จำนวน 82 แห่ง จังหวัดนนทบุรี 1 แห่ง นอกจากนี้กรุงเทพมหานครได้จัดตั้งคลินิกมลพิษ corner ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 68 แห่ง
5) มาตรการกฎหมาย โดยเฉพาะมาตรการห้ามเผาในที่โล่ง ซึ่งองค์กรปกครองท้องถิ่นได้มีการประกาศกำหนดพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ ได้แก่จังหวัดเชียงราย จังหวัดกำแพงเพชรและกรุงเทพมหานคร รวมทั้งประสานผ่านกลไกคณะกรรมการสาธารณสุขจังหวัด ขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เสี่ยงควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองในพื้นที่ภายใต้พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
























