กรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเวที ปราบใบด่างมันสำปะหลัง มั่นใจเกษตรกรได้รับค่าชดเชย ภายใน ก.พ. นี้ พร้อมคุมเข้ม ห้ามเกษตรกรใช้ท่อนพันธุ์ ที่เป็นโรคซ้ำ เด็ดขาด ขอความร่วมมือทุกชุมชน เฝ้าระวังและรู้จักโรค

รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการขับเคลื่อนการปราบใบด่างมันสำปะหลัง ได้ วางไว้ 4 แนวทาง สำรวจ ชี้เป้า ทำลาย และชดเชย ซึ่งจะต้องทำ โดยรัดกุม พร้อมทั้งปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการอย่างเคร่ดครัด และการทำลาย จะต้องถูกต้อง ตามหลักวิชาการ ได้แก่ วิธีฝังกลบ โดยฝังกลบต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรค และต้นข้างเคียงโดยรอบในรัศมี 2 เมตรในหลุมที่ลึกไม่น้อยกว่า 2 – 3 เมตร ราดด้วยสารกำจัดวัชพืช อะมีทรีน 80% WG ซัลเฟนทราโซน 48% SC ไดยูรอน 80% WP อย่างใดอย่างหนึ่งก่อน จึงกลบด้วยดินหนาไม่น้อยกว่า 0.5 เมตร วิธีใส่ถุง/กระสอบ โดยนำต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรคตัดเป็นท่อนใส่ถุง / กระสอบมัดปากให้แน่นแล้วนำไปตากแดดไม่น้อยกว่า 7 วัน หรือจนกว่าต้นมันสำปะหลังจะตาย หรือ วิธีบดสับ โดยนำต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรคเข้าเครื่องบดป่นหรือเครื่องสับย่อย โดยปูพลาสติกรองพื้นให้เศษต้นที่ถูกทำลายอยู่บนพลาสติก แล้วคลุมกองด้วยพลาสติกตากแดดให้ต้นมันสำปะหลังแห้งตาย ขณะนี้ เริ่มทำลายไปแล้ว กว่า 20,000 ไร่
สำหรับเกษตรกรที่ยินยอมให้ทำลายต้นที่เป็นโรค จะได้รับเงินชดเชย ไร่ละ 3,000 บาท ตามรายละเอียดเงื่อนไขของโครงการ โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินให้กับเกษตรกร ได้ ประมาณเดือน กุมภาพันธ์เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ขอย้ำให้เกษตรกร และสั่งการเจ้าหน้าที่ให้ทุกพื้นที่ ที่พบการระบาด รวมถึงพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง ไม่ใช้ท่อนพันธุ์ ที่เป็นโรคซ้ำ เด็ดขาด และขอความร่วมมือ เจ้าหน้าที่เกษตรกร สร้างการรับรู้ให้เกษตรกร เฝ้าระวัง และ หมั่นสำรวจแปลงอยู่เสมอ



























