ภาคการเกษตรของไทยมีแนวโน้มในการใช้ปุ๋ยเคมีเพื่อเพิ่มประสิทธิการผลิตพืชสูงขึ้นในแต่ละปี โดยสังเกตได้จากปริมาณและมูลค่าการนำเข้าปุ๋ยเคมีสูตรสำคัญเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายต้องช่วยหันหาช่วยเหลือเกษตรกรในการลดต้นทุนการผลิตลง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้มอบหมายให้หน่วยที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการและเร่งขับเคลื่อน “โครงการสนับสนุนการผลิตหรือจัดหาปุ๋ยสั่งตัดผ่านสถาบันเกษตรกร” ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2561 เป็นหนึ่งกลไกที่จะช่วยปฏิรูปการใช้ปุ๋ยของเกษตรกร โดยให้ความสำคัญกับการใช้ปุ๋ย สูตรที่มีธาตุอาหารพืชเหมาะสม ตามค่าการวิเคราะห์ดินในแต่ละพื้นที่ ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ย ที่ส่งผลต่อคุณภาพและปริมาณของผลผลิตที่จะได้รับแล้ว ที่สำคัญยังสามารถลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกร ได้ค่อนข้างมาก และส่งผลต่อการช่วยเพิ่มรายได้ของเกษตรกรในที่สุด


ทั้งยังเป็นช่องทางที่จะช่วยให้เกษตรกรได้รับปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพและราคาถูก สามารถประหยัดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง
โครงการฯ ดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีสถาบันเกษตรกรแจ้งความจำนงและสนใจที่จะเข้าโครงการฯ แล้วกว่า 202 แห่ง จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ จำนวน 500 แห่ง ในจำนวนนี้มีสถาบันเกษตรกรที่สามารถผลิตหรือผสมปุ๋ยเองเพื่อให้บริการจำหน่ายแก่สมาชิกและเกษตรกรทั่วไปแล้ว ประมาณ 100 แห่ง กำลังการผลิตกว่า 20,000 ตันต่อปี ซึ่งมีทั้งที่เป็นปุ๋ยสูตรทั่วไปและปุ๋ยสั่งตัด ขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เร่งขับเคลื่อนและขยายผลโครงการฯ อย่างเต็มที่และมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ต่อเนื่อง อาทิ อบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ดินและปุ๋ยแก่เกษตรกร เพื่อให้เกษตรกรเข้าใจว่าการผสมปุ๋ยใช้เองมีวิธีการอย่างไร ปุ๋ยสูตรไหนจะเหมาะสมกับพื้นที่ของตนเอง และเทคนิคการใช้ปุ๋ยให้เกิดประสิทธิภาพในการปลูกพืชแต่ละชนิดต้องใช้อย่างไร รวมถึงปรับเปลี่ยนแนวคิดจากเดิมที่นิยมซื้อปุ๋ยสูตรสำเร็จที่ขายตามท้องตลาดซึ่งมีต้นทุนสูง หันมาใช้ปุ๋ยผสมเองที่มีคุณภาพไม่แตกต่างจากปุ๋ยสูตรสำเร็จ
นอกจากนี้ยังมีการเก็บตัวอย่างดินเพื่อส่งตรวจหาธาตุอาหารในดิน การอบรมวิธีการใช้ชุดวิเคราะห์ดินอย่างง่าย (Test Kit) และการส่งโมบายยูนิต (Mobile unit) ลงพื้นที่เพื่อวางแผนการผลิตพืช และสนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร สำหรับนำไปผลิตปุ๋ยสั่งตัดเพื่อมาให้บริการแก่เกษตรกร ซึ่งการใช้กลไกสถาบันเกษตรกรเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนโครงการดังกล่าว นับว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก เนื่องจากต้องการผลักดันให้สหกรณ์ได้มีการปรับตัว ทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตปุ๋ย ตลอดจนให้บริการผสมปุ๋ยสั่งตัดแก่สมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรทั่วไป ซึ่งจะช่วยขยายธุรกิจของสหกรณ์ให้ช่วยตอบสนองกับความต้องการของเกษตรกรได้อย่างครบถ้วนและส่งผลต่อการสร้างความเข้มแข็ง และมั่นคงให้กับสถาบันเกษตรกรได้อย่างยั่งยืน

 
			
