รัฐบาลขยับแรง! “ธรรมนัส” สั่ง Kick Off ปิดป้ายเตือนผู้ครอบครอง ลั่นตรวจเข้ม–ยึดคืนที่ดินผิดกฎหมายทั่วประเทศ

0
73579

รองนายกฯ ธรรมนัส เปิดปฏิบัติการ “Kick off” ปิดป้ายเตือนผู้ครอบครองที่ดินส.ป.ก. ที่ไม่เข้าสู่กระบวนการปฏิรูป ย้ำตรวจเข้ม–ยึดคืนทุกแปลงหากพบครอบครองมิชอบ พร้อมดันกระบวนการจัดสรรที่ดินให้เกษตรกรผู้ยากไร้ เดินหน้า 27 จังหวัดทั่วประเทศ

วันนี้(21พ.ย.68) ร้อยเอกธรรมนัส  พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่จังหวัดราชบุรีไปยังแปลงราชบุรีโมเดลตั้งอยู่หมู่ที่ 10 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี   เพื่อเป็นประธาน “Kick off ขับเคลื่อนนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ครอบครองในเขตปฏิรูปที่ดินที่ไม่ยินยอมเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและมอบโฉนดเพื่อการเกษตร” โดยได้ปิดป้ายประกาศให้ผู้ถือครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดิน พร้อมกันกับพื้นที่ปฏิรูปที่ดินจังหวัด 27 จังหวัดทั่วประเทศ  จากนั้นได้ขับรถแม็คโครทำการล้มปาล์มในพื้นที่ป่าสวนแห่งชาติที่กรมป่าไม้ได้ส่งมอบพื้นที่ให้นำมาปฏิรูปที่ดินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2536 เพื่อปรับพื้นที่ที่ดินให้เหมาะสมกับการเกษตร และนำที่ดินมาจัดให้กับเกษตรกรผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสในอนาคต จากนั้นได้เดินทางไปต่อไปยังห้องประชุมสำนักงานเทศบาลด่านทับตะโก อ.จอมบึง เพื่อมอบโฉนดเพื่อการเกษตร จำนวน 500 ราย และที่ว่าการอำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี จำนวน 300 ราย  

ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า    รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เพื่อแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินในลักษณะที่เป็นผืนใหญ่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย และนำที่ดินที่ได้จากการยึดคืนเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตลอดจนต้องการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติและขั้นตอนการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมายในเขตปฏิรูปที่ดินจึงได้สั่งการให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก) จัด “Kick off ขับเคลื่อนนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ครอบครองในเขตปฏิรูปที่ดินที่ไม่ยินยอมเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและมอบโฉนดเพื่อการเกษตร” ในครั้งนี้พร้อมกับพื้นที่ปฏิรูปที่ดินจังหวัด 27 จังหวัดทั่วประเทศ ประกอบด้วย 1) ภาคเหนือ : กำแพงเพชร เชียงราย เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี 2) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บึงกาฬ สุรินทร์ หนองคาย อุดรธานี และอุบลราชธานี 3) ภาคกลาง : กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี ระยอง ลพบุรี สระแก้ว และสระบุรี4) ภาคใต้: กระบี่ ชุมพร ตรัง สงขลา และสุราษฎร์ธานี

ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวต่อว่า ต่อไปนี้การตรวจสอบการถือครองที่ดินและการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อยึดคืนที่ดินจากนายทุนและเร่งรัดการจัดหาที่ดินทำกินให้เกษตรกรเพื่อนำไปจัดสรรและกระจายการถือครองให้กับเกษตรกรอย่างแท้จริง สำหรับปัญหาที่ดินในจังหวัดราชบุรี ได้มอบหมายสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ดำเนินการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ที่มีการถือครองที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กระทำฝ่าฝืน หรือไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด จำนวน 165 ราย 166 แปลง เนื้อที่ประมาณ 6,500 ไร่อยู่หมู่ที่ 10 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ตั้งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน โครงการป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี หมายเลข 85 ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่ป่าสวนแห่งชาติ ที่กรมป่าไม้ได้ส่งมอบพื้นที่ให้นำมาปฏิรูปที่ดินตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2536 ส.ป.ก.ราชบุรี ได้ดำเนินการเพิกถอนการจัดที่ดินหรือให้เกษตรกรสิ้นสิทธิการทำประโยชน์ในที่ดินและนำที่ดินมาจัดให้กับเกษตรกรผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ซึ่งขณะนี้ ส.ป.ก.ราชบุรีได้ประกาศให้เกษตรกรที่มีคุณสมบัติยื่นคำขอรับการจัดที่ดินแล้ว ในระยะแรก เนื้อที่ 2,088 ไร่ มีผู้ยื่นคำขอ จำนวนกว่า 3,300 คำขอ อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติและดำเนินการตามขั้นตอนประชาคมหมู่บ้านและปรับพื้นที่ที่ดินให้เหมะสมกับการเกษตรและล้มปาล์ม คาดว่าจะสามารถจัดที่ดินให้กับเกษตรกรจำนวน 152 ราย เนื้อที่ 1,520 ไร่ และพื้นที่แหล่งน้ำและพื้นที่กันไว้เป็นพื้นที่ป่ากันชน ทั้งนี้ เกษตรกรจะได้รับสิทธิการเช่าที่ดิน ในอัตราไร่ละ100 บาทต่อปี  

ส่วนจุดปิดป้ายประกาศ  เพื่อแก้ไขปัญหาผู้ครอบครองในเขตปฏิรูปที่ดินที่ไม่ยินยอมเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จึงได้ทำการปิดป้ายประกาศแจ้งให้ผู้ครอบครองที่ดินในพื้นที่นั้นๆ เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เพื่อให้ผู้ครอบครองที่ดินยื่นคำร้องแสดงสิทธิในที่ดิน เป็นการประกาศเจตนารมณ์ในการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมายอย่างจริงจัง และปรับปรุงพัฒนาสิทธิในที่ดินรัฐ หากรายใดครอบครองไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็จะทวงคืนที่ดินกลับเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อให้ได้ที่ดินในการนำไปจัดสรรให้กับเกษตรผู้ยากไร้และมีคุณสมบัติต่อไป

สำหรับพื้นที่ราชบุรี  ตรวจสอบพบว่าพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นพื้นที่แปลงใหญ่ที่ยังไม่เข้าสู่กระบวการปฏิรูปที่ดิน เนื้อที่ประมาณ 3,915 ไร่ อยู่หมู่ที่ 13 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ตั้งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน โครงการป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี หมายเลข 85 ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่ป่าสวนแห่งชาติที่กรมป่าไม้ได้ส่งมอบพื้นที่ให้นำมาปฏิรูปที่ดิน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2536 เพื่อการดำเนินการเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดและนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดราชบุรี (ส.ป.ก.ราชบุรี) จึงได้ปิดป้ายประกาศให้ผู้ถือครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดิน หรือได้โต้แย้งแสดงสิทธิกรณีมีเอกสารสิทธิตามกฎหมายอื่น หากการถือครองที่ดินไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขที่จะได้รับการจัดที่ดินจาก ส.ป.ก.จะได้ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

“ต่อไปนี้การตรวจสอบการถือครองที่ดินและการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อยึดคืนที่ดินจากนายทุนและเร่งรัดการจัดหาที่ดินทำกินให้เกษตรกรเพื่อนำไปจัดสรรและการะจายการถื อครองให้กับเกษตรกรอย่างแท้จริง ทั้งนี้ การตรวจสอบการถือครองและการใช้ประโยชน์ที่ดิน ไม่เพียงทำให้ ส.ป.ก. ได้ที่ดินกลับคืนเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินแล้ว ยังเป็นการจัดการข้อมูลที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินให้มีความถูกต้องและเป็นธรรมอีกด้วย” ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวย้ำ  

ด้านนายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์   เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กล่าวเพิ่มเติมว่า    สำหรับกิจกรรม Kick off ปิดป้ายประกาศและล้มปาล์มในวันนี้ เป็นการดำเนินงานภายใต้โครงการจัดงานขับเคลื่อนนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ครอบครองในเขตปฏิรูปที่ดินที่ไม่ยินยอมเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและมอบโฉนดเพื่อการเกษตรเพื่อแก้ปัญหาทำกินให้กับเกษตรกรตามนโยบายเร่งด่วนของร้อยเอกธรรมนัส  ที่มุ่งเน้นให้ประชาชนมีที่ทำกินอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ป้องกันและแก้ไขปัญหาการสูญเสียสิทธิในที่ดิน     ซึ่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติให้มีการส่งมอบพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเสื่อมโทรมเพื่อนำพื้นที่ไปดำเนินการจัดที่ดินให้แก่เกษตรกรตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมแต่กว่า 50 ปี ที่ผ่านมาการนำพื้นที่ดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมยังปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีแปลงที่ดินที่ยังมิได้เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เนื่องจากมีผู้ถือครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งบุคคลดังกล่าวต่างไม่ให้ความร่วมมือ หรือยินยอมเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ทำให้การส่งมอบพื้นที่คืนเพื่อให้ ส.ป.ก. นำไปดำเนินการจัดที่ดินตามเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังปรากฏว่ามีบุคคลซึ่งไม่มีสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายเข้าทำประโยชน์โดยอ้างสิทธิในที่ดินจากการซื้อขายต่อจากเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินหรือเปลี่ยนมือที่ดินที่จัดให้แก่เกษตรกรเพื่อถือครองที่ดินเป็นแปลงขนาดใหญ่และนำพื้นที่ดังกล่าวไปประกอบเกษตรกรรมในรูปแบบการปลูกพืชเชิงเดี่ยวซึ่งมีผลกระทบต่อระบบนิเวศน์อย่างรุนแรงในระยะยาว การครอบครองที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมายฯ ส่งผลต่อการบริหารจัดการพื้นที่ที่ต้องนำที่ดินจัดสรรให้กับราษฎรที่ต้องการที่ดินทำกิน ซึ่งที่ผ่านมาทุกรัฐบาลต่างมีนโนบายในการแก้ไขปัญหาการไร้ที่ดินทำกินให้กับราษฎรกลุ่มเปราะบางด้านที่ดิน

ส.ป.ก.กำลังเร่งเดินหน้าตรวจสอบการถือครองที่ดินโดยมิชอบในเขตป ฏิรูปที่ดินทั่วประเทศ  พร้อมทั้งให้มีการตรวจสอบฐานข้อมูลการจัดที่ดินและข้อมูลแผนที่พื้นที่ที่ยังไม่เข้าร่วมกระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและพื้นที่ที่มีการครอบครองที่ดินในลักษณะเป็นที่ดินแปลงใหญ่ ทั้งนี้ ส.ป.ก.จะต้องมีการดำเนินการตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงการใช้ประโยชน์และการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินในท้องที่จังหวัดข้างต้น โดยส.ป.ก.จังหวัด หากพบว่ามีการครอบครองที่ดินในลักษณะเป็นที่ดินแปลงใหญ่และไม่ยินยอมเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมให้ ส.ป.ก.จังหวัด มีประกาศแจ้งให้ผู้ครอบครองที่ดินเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมไว้ในที่เปิดเผย เพื่อแจ้งให้ผู้ครอบครองที่ดินเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรร ม อีกทั้งต้องดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาสิทธิในที่ดินรัฐโดยการปรับปรุงหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01) เป็นโฉนดเพื่อการเกษตรให้สอดคล้องกับระเบียบกฎหมายที่ได้ดำเนินการแก้ไขต่อไป” เลขาธิการ ส.ป.ก. กล่าวย้ำ