ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการบริหารจัดการดินและน้ำทั้งบนดินและใต้ดินในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตของเกษตรกร ณ บ้านชบา หมู่ 2 ตำบล ตลุกกลางทุ่ง อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ตนดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน 1ปีที่ผ่านมา ได้ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย “การพัฒนาที่ดินด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ”เป็นอย่างมาก เนื่องจากเห็นว่าเป็นหัวใจสำคัญของการเพิ่มศักยภาพด้านการผลิตและรายได้ของเกษตรกรและภาคเกษตรไทย โดยกำชับให้สถานีพัฒนาที่ดินทั่วประเทศเร่งพัฒนาทรัพยากรดินให้อุดมสมบูรณ์ เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร และให้มีการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างยั่งยืน ด้วยวิสัยทัศน์ “เป็นองค์การอัจฉริยะทางดิน ขับเคลื่อนการใช้ที่ดินอย่างเหมาะสม 15 ล้านไร่ภายในปี 2570”
นอกจากนี้ ในปี 2568 กรมพัฒนาที่ดินยังได้กำหนดทิศทางการพัฒนาที่สำคัญ ได้แก่ การพัฒนาสู่เกษตรทันสมัยด้วยเทคโนโลยีด้านการเกษตร การยกระดับการบริหารจัดการน้ำ การฟื้นฟูทรัพยากรดินและรักษาสมดุลของระบบนิเวศการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว การรับมือกับภัยธรรมชาติ และการพัฒนาระบบราชการดิจิทัลอีกด้วย
ดร.ทวีศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า การอนุรักษ์ดินและน้ำ มีความสำคัญอย่างมากในการช่วยป้องกันรักษาดินและที่ดินไม่ให้เกิดความเสื่อมโทรม สูญเสีย รวมถึงการรักษา ปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดิน และการรักษาน้ำในดินหรือบนผิวดิน ให้เกิดความเหมาะสมในการใช้ประโยชน์ที่ดินในทางการเกษตรกรรม ดังนั้น การอนุรักษ์ดินและน้ำ จึงเป็นการรักษาดินให้มีความสามารถในการให้ผลผลิตสูงสุด และเป็นการใช้ดินอย่างถูกวิธี โดยงานพัฒนาการบริหารจัดการดินและน้ำทั้งบนดินและใต้ดิน เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ซึ่งเป็นการชะลอความเร็วของน้ำ การกักเก็บตะกอน การป้องกันการสูญเสียหน้าดิน รักษาความชื้นในดิน รวมทั้ง เป็นการกักเก็บน้ำฝนที่ตกลงมาให้ไหลซึมลงใต้ดินอย่างช้า ๆ ทำให้เกิดความชื้นที่พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ อีกทั้งช่วยไม่ให้น้ำไหลบ่าไปกัดเซาะดินในพื้นที่ตอนล่างก่อให้เกิดความเสียหาย เพิ่มประสิทธิภาพและกักเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตร ซึ่งเห็นว่าหากมีการบริหารจัดการดินและน้ำทั้งบนดินและใต้ดินก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ที่ดิน โดยเฉพาะการบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้ง ในพื้นที่ทำการเกษตรที่มีโอกาสเสี่ยงภัยแล้ง
ด้านนายวิษณุ พิมบำรุง ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินตาก กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการว่า สถานีพัฒนาที่ดินตาก สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 9 ได้ดำเนินงานโครงการบริหารจัดการน้ำทั้งบนดินและใต้ดินในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตของเกษตรกร โดยจังหวัดตาก ได้คัดเลือกพื้นที่ตำบลตลุกกลางทุ่ง อำเภอเมืองตากร่วมโครงการฯ ภายใต้กิจกรรมการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ โดยมีก่อสร้างถังเก็บน้ำขนาด 10,000 ลบ.ม. พร้อมระบบสูบน้ำและระบบกระจายน้ำ ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวนทั้งสิ้น 5 จุด ครอบคลุมพื้นที่ 5 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ 1, หมู่ 2, หมู่ 4, หมู่ 6 และหมู่ 7 ตำบลตลุกกลางทุ่ง อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก โดยจากผลจากการดำเนินงานสามารถปริมาณน้ำที่เก็บกักเพิ่มขึ้น 80,000 ลบ.ม. พื้นที่ของเกษตรกรได้รับการปรับปรุงคุณภาพดิน เกิดการเปลี่ยนแปลงสมบัติทางกายภาพของดิน และความอุดมสมบูรณ์ของดิน อีกทั้งเกษตรกรใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำ และระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ สามารถมีทางเลือกในการปลูกพืชเพิ่มขึ้นอีกทั้งช่วยลดต้นทุนการผลิตลงได้ร้อยละ 10อีกด้วย นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับชุมชน หมอดินอาสาประจำตำบลตลุกกลางทุ่ง ฝ่ายปกครองตำบลตลุกกลางทุ่ง ประเมินสถานภาพทรัพยากรที่ดิน เพื่อแก้ปัญหาด้านภัยแล้ง และฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรม ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมและความต้องการของชุมชน การรับฟังข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะจากเกษตรกรในชุมชน กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และเกษตรกรผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอีกด้วย