“กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ทำถึง สร้างมิติใหม่ให้วงการเกษตรไทยด้วยเกษตรแม่นยำเต็มระบบ ยกระดับเกษตรกรไทยสู่ผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมได้อย่างสมบูรณ์แบบ”เผยตัวเลขดัชนีสะท้อนประสิทธิภาพการประยุกต์ใช้เกษตรดิจิทัล หรือ Digital Agricultural Performance Index (DAPI) เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 35 ช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ร้อยละ 15 ผลิตภาพเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 19 เล็งปีหน้า จัดใหญ่ขยายผลสู่เกษตรกรหัวขบวนทั่วประเทศ”

กิจกรรมนี้ใช้เวลาทั้งสิ้น 150 วัน มีการนำเกณฑ์ดัชนีสะท้อนประสิทธิภาพการประยุกต์ใช้เกษตรดิจิทัล หรือ Digital Agricultural Performance Index มาประเมินผู้เข้าร่วมโครงการทั้ง 20 ราย เมื่อสิ้นสุดโครงการพบว่า ประสิทธิภาพการประยุกต์ใช้เกษตรดิจิทัลของผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มขึ้น เฉลี่ยร้อยละ 35 การนำเทคโนโลยีเกษตรแม่นยำไปประยุกต์ใช้ร่วมกับการทำการเกษตรแบบดั้งเดิมนั้นช่วยลดต้นทุนการผลิตได้เฉลี่ยร้อยละ 15 และคาดว่าจะมีผลิตภาพเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 19 ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นกิจกรรมที่เกิดคุณค่าและสร้างประโยชน์ ด้านการเพิ่มผลผลิต เพิ่มรายได้ และลดต้นทุน อย่างชัดเจน เป็นผลสำเร็จที่จับต้องได้ และในงานวันนี้ กองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม ได้นำเทคโนโลยีที่ใช้ในกิจกรรม รวมถึงได้นำผลลัพธ์ความสำเร็จของผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้ง 20 กิจการ มาแสดงให้แก่ผู้เข้าร่วมงานได้ชมด้วย

หลังจากการมอบรางวัล Success Case มีการเสวนาจากเกษตรกรวัยเก๋า ที่เป็นปราชญ์เกษตรกร เกษตรกรดีเด่น เกษตรกรตัวอย่าง ที่ได้มีโอกาสเรียนรู้ เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม ร่วมเสวนาในครั้งนี้ด้วย ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์อันเป็นภูมิปัญญาด้านการทำการเกษตรดั้งเดิมของรุ่นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ช่วยขับเคลื่อนอาชีพเกษตรกรให้เป็นเกษตรอุตสาหกรรม เกษตรสมัยใหม่ได้อย่างน่าชื่นชม สร้างความมั่นใจในเส้นทางของเกษตรกรมืออาชีพให้คนรุ่นใหม่
ดร.กิตติโชติ กล่าวว่ากิจกรรมนี้ อยู่ภายใต้โครงการยกระดับสินค้าเกษตรสู่เกษตรอุตสาหกรรม ที่นำเทคโนโลยีเกษตรแม่นยำที่มากที่สุดเท่าที่กองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมเคยจัดกิจกรรมมา ใช้แนวคิด“Nested Approach” เชื่อมโยงข้อมูลจากเทคโนโลยี IoT หลากหลายระดับ เป็นการบูรณาการข้อมูลแบบองค์รวม เป็นการทำการเกษตรที่ใช้ข้อมูลยกระดับช่วยการตัดสินใจที่แม่นยำ หรือ Data Driven Solution อย่างแท้จริง พร้อมพัฒนาระบบ AI Tools ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและแก้ปัญหา ให้แก่เกษตรกร “เป็นการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีการเกษตรมาพัฒนาเกษตรกร Smart Farmer หรือนักธุรกิจเกษตรสมัยใหม่ แนะนำการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยในการแก้ปัญหาการทำการเกษตรที่ถูกต้อง” เป็นย่างก้าวที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมสู่อนาคตด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในทุกขั้นตอน ให้เกิดประโยชน์ ใช้ศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มที่ เป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบต้นน้ำคุณภาพ สร้างประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการในการแข่งขันสู่ระดับสากล อันเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนนโยบายอุตสาหกรรม 5.0 ของ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
คุณกำพล โชคสุนทสุทธิ์ นายกสมาคมส่งเสริมดิจิทัลเพื่อการเกษตรและอุตสาหกรรม หรือ DPAI ผู้รับหน้าที่ดำเนินโครงการนี้ กล่าวว่า กิจกรรมนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่ายทั้งสมาชิกของสมาคมฯ และเจ้าของเทคโนโลยีทางการเกษตรหลายราย ที่ต้องการสร้างตัวอย่างความสำเร็จของเกษตรแม่นยำหรือ Precision Agriculture ในประเทศไทยร่วมกัน เพื่อให้ผู้ที่สนใจ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับวงการเกษตรทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน สถาบันเกษตร องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแม้แต่เกษตรกรทั่วไป ได้เข้าถึงองค์ความรู้นี้อย่างมั่นใจว่า ประเทศไทยนอกจากจะตั้งอยู่บนทำเลภูมิศาสตร์ที่ทำการเกษตรได้ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกแล้ว คนไทยเรามีความสามารถที่จะพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยีการทำการเกษตรเพื่อเป็นผู้นำด้านเกษตรแม่นยำ เกษตรอัจฉริยะในภูมิภาค และสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้อย่างไม่น้อยหน้าใคร สมาคม DPAI พร้อมที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้ที่มี ขยายความร่วมมือไปยังหน่วยงานภาครัฐที่มีพันธกิจดูแลช่วยเหลือเกษตรกร ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ สตาร์ทอัพ หรือแม้แต่เกษตรกรในทุกระดับ ที่ต้องการความรู้ด้านเทคโนโลยีเกษตรแม่นยำไปประยุกต์ใช้ต่อยอดขยายผล รวมถึงสามารถไปเยี่ยมชมพูดคุยกับผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ได้ทุกรายเพื่อดูงานจริงในแปลง แลกเปลี่ยนประสบการณ์พูดคุยกับทุกท่านได้ตลอดเวลา
คุณกำพล กล่าวต่อว่า จุดเปลี่ยนสำคัญของโครงการนี้ คือการทำเกษตรแบบใช้ข้อมูลนำ (Data Driven Agriculture) ไม่ใช่การทำตามความเคยชิน แต่เป็นการวินิจฉัยและจัดการปัญหาอย่างตรงจุดด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งพิสูจน์เชิงประจักษ์แล้วว่า ภายหลังจากที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เข้าใจและปรับเปลี่ยนวิธีคิด ปรับแนวทางปฏิบัติใหม่ ไม่เพียงแค่ผลผลิตเพิ่มขึ้น แต่ยังสามารถพัฒนาต่อยอดเป็นองค์ความรู้ ที่จะนำไปพัฒนามากกว่าแค่การผลิตต้นน้ำแต่เพียงอย่างเดียว ยังนำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาต่อยอดขยายโมเดลธุรกิจ มีความมั่นใจในอาชีพเกษตรกรเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ในตอนท้าย ผอ.กองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม ดร.กิตติโชติ ศุภกำเนิด กล่าวย้ำว่า จากความสำเร็จของกิจกรรมพัฒนาเกษตรแม่นยำด้วยเทคโนโลยีอวกาศในครั้งนี้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จะต่อยอดขยายผลไปสู่เกษตรกรหัวขบวน ที่ทางกรมฯ ได้ดำเนินนโยบายมาก่อนหน้านี้ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง และสอดรับกับแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งเน้นการปฎิรูปทั้งระบบของภาคอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ ด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และ Ai ช่วยยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมอย่างจริงจัง




































