กรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำว่า ปัจจุบัน (7 พ.ค..68) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 43,225 ล้าน ลบ.ม. (57% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรองรับน้ำได้อีก 33,112 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 13,351 ล้าน ลบ.ม. (54% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 11,520 ล้าน ลบ.ม. ภาพรวมสถานการณ์น้ำเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้
ในส่วนของการรับมือกับฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง กรมชลประทาน ได้เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูฝนตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 ของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(กนช.) ด้วยการ กำหนดพื้นที่ วิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงอุทภัยซ้ำซาก พร้อมบริหารจัดการน้ำให้อยู่เกณฑ์ที่กำหนดควบคู่กับการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งหน้า รวมทั้งกำหนดคนและทรัพยากร ติดตามวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ มีการประสานข้อมูลระหว่างหน่วยงานส่วนกลางและหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชนได้รับทราบสถานการณน้ำอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการตรวจสอบสภาพความมั่นคงของอาคารชลประทานให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ มีการกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างสม่ำเสมอ และเตรียมพร้อมด้านเครื่องจักร เครื่องมือ และเจ้าหน้าที่ เข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที ตามข้อสั่งการของ ของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์