พาณิชย์’ ผลักดันผ้าไหมไทย…ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ลงพื้นที่เมืองรอง…เชื่อมโยงการท่องเที่ยวเข้ากับวิถีชุมชนและวัฒนธรรมเส้นไหม พร้อมเปลี่ยนทัศนคติ…ไหมไทย…ใครใครก็ใช้ได้มั่นใจ…ความสวยงาม ทนทาน...ครองใจผู้ใช้ทุกกลุ่ม
กระทรวงพาณิชย์ เชื่อมั่นในศักยภาพผ้าไหมไทย ผลักดันให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เชื่อมโยงเมืองรองกับการท่องเที่ยววิถีชุมชนและวัฒนธรรมเส้นไหม สร้างความภาคภูมิใจแก่ผู้สวมใส่ พร้อมเปลี่ยนทัศนคติ…ไหมไทย…สัญลักษณ์ไทย ย้ำ!! ผ้าไหมไทย..ได้สัมผัส/ใช้งานแล้วจะหลงรัก



“เส้นทางการเดินทางแรก คือ จ.นครราชสีมา (อ.ปักธงชัย) บุรีรัมย์ สุรินทร์ เดินทางระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน 2562 โดยที่ จ. นครราชสีมา อ.ปักธงชัย เดินทางไปที่กลุ่มหัตถกรรมบ้านดู่ ซึ่งมีผ้าไหมหางกระรอกที่สวยงามมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น และกำลังจะได้รับการรับรองให้ขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI”
“จ.บุรีรัมย์ นอกจากจะเดินทางไปท่องเที่ยวที่อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งแล้ว บุรีรัมย์ยังมีผ้าไหมท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อหลายแห่ง เช่น ผ้าภูอัคนี (ผ้าย้อมดินภูเขาไฟ) อ.เฉลิมพระกียรติ ผ้าไหมมัดหมี่ทอมือ กลุ่มผ้าไหมโนนกลาง อ.ดอนมนต์ ผ้าไหมมัดหมี่ลายลูกแก้ว กลุ่มทอผ้าไหมบ้านโคกเมือง อ.ประโคนชัย ผ้าไหมมัดหมี่ กลุ่มทอแปรรูปผ้าไหม – ผ้าฝ้าย อ.พุทไธสง ผ้าไหมมัดหมี่ กลุ่มทอผ้าไหมบ้านหนองโก อ.นาโพธิ์ ผ้าซิ่นตีนแดง ณัฏฐาผ้าไหม อ.นาโพธิ์ ผ้าไหมมัดหมี่ กลุ่มทอผ้าไหมบ้านดอนกอก อ.นาโพธิ์ ฯลฯ เป็นต้น”
“จ. สุรินทร์ เมื่อเดินทางไปเยี่ยมชมประวัติศาสตร์ความเป็นมาของจังหวัดสุรินทร์ ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสุรินทร์แล้ว ยังมีผ้าไหมพื้นเมืองที่มีความสวยงาม และมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวให้เลือกชมเลือกซื้ออีกด้วย เช่น อ.ลำดวน ประกอบด้วย ดาวไหมไทย (ผ้าไหมมัดหมี่) กลุ่มทอผ้าไหมบ้านระไซร์ ผ้ามัดหมี่ กลุ่มสตรีทอผ้าบ้านยางจรม ผ้าไหมทอมือสีธรรมชาติ กลุ่มทอผ้าไหมและผลิตภัณฑ์เป่าแก้วบ้านหนองยาง ผ้าไหมมัดหมี่สีธรรมชาติ กลุ่มสตรีทอผ้าไหมบ้านสวาย นอกจากนี้ ยังมี ผ้าไหมบ้านอากลัว กลุ่มสตรีทอผไหมบ้านอากลัว อ.เขวาสินรินทร์ ผ้าไหมมัดหมี่ย้อมสีธรรมชาติ ศูนย์เรียนรู้สวยสมใจผ้าไหมอาบโคลนดอกบัว อ.ศีขรภูมิ ฯลฯ เป็นต้น”

.
“ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พบว่า ประเทศที่ผลิตเส้นไหมมากที่สุดในโลก ได้แก่ อันดับ 1 จีน อันดับ 2 อินเดีย อันดับ 3 อุสเบกีสถาน อันดับ 4 ไทย อันดับ 5 บราซิล ซึ่งปัจจุบันสาธารณรัฐประชาชนจีนมีนโยบายเข้าสู่ประเทศอุตสาหกรรม โดยลดบทบาทภาคการเกษตรลง รวมทั้งสินค้าด้านหม่อนไหม ซึ่งสามารถเป็นดัชนีบ่งชี้ปริมาณการผลิตเส้นไหมที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดโลก ดังนั้น หากประเทศไทยมีการส่งเสริมและพัฒนาด้านหม่อนไหมอย่างเต็มที่ ลดต้นทุนการผลิต การสร้างคุณลักษณะพิเศษที่ทำให้เกิดความแตกต่าง และคงอัตลักษณ์ในการเป็นไหมไทยโดยแท้ที่เป็นเส้นไหมที่สาวด้วยมือ ก็จะทำให้ไหมไทยสามารถเจาะตลาดตลาดต่างประเทศได้ไม่ยากโดยเฉพาะตลาดอาเซียน” รองอธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย
- #AllnewsExpress






























