สทนช.รับนโยบาย รองนายกฯ 100 วัน ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า พื้นที่น้ำท่วม-น้ำแล้งซ้ำซาก พร้อมเร่งบริหารจัดการน้ำ ลุ่มน้ำมูลตอนกลาง รับภาวะเอลนีโญ เร่งสร้างแกมลิงในทุ่งกุลา ช่วยพื้นที่ได้ถึง 3 จังหวัด แก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ยอมรับว่า จังหวัดสุรินทร์มีปริมาณน้ำมาก ในบางพื้นที่ บางพื้นที่ก็มีปริมาณน้ำน้อย โดยเฉพาะทุ่งกุลา ที่มีปัญหาแหล่งเก็บกักน้ำน้อย และในลำน้ำมูลเวลามีน้ำหลากมามากๆ ก็ไม่มีที่เก็บเพียงพอทั้งนี้ในฤดูแล้งจึงงอาจมีปัญหา เรื่องของปริมาณน้ำที่ไม่เพียงพอได้ ดังนั้นในส่วนของ สทนช. จะดำเนินการในส่วนทุ่งกุลา จะดำเนินการในลักษณะ แก้มลิง ในลำน้ำพลับพลา ที่ไหลผ่านทุ่งกุลา และในพื้นที่ของทุ่งกุลาเองจะมีการขุดลอกคูคลองปรับปรุงให้ดีขึ้น รวมไปถึงการผันน้ำ เชื่อมโยงลำน้ำมูลและลำน้ำพลับพลา เพื่อเก็บน้ำในฤดูแล้ง และลดปัญหาอุทกภัย

ส่วนอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง เป็นแหล่งเก็บน้ำที่สำคัญของจังหวัด สุรินทร์ เพื่อเป็นแหล่งน้ำดิบอุปโภคบริโภค ผลิตน้ำประปาให้กับชุมชนเมือง ซึ่งเป็นการบริหารจัดการร่วมกันกับอ่างเก็บน้ำอำปึล ซึ่งก็มีปริมาณน้ำพอสมควร แต่ต้องไม่ประมาทกับสถานการณ์เอลนิโญไปอีก 2 ปี จึงต้องมีการบริหารจัดการน้ำอย่างดี ไม่เฉพาะช่วงฤดูแล้งปีนี้อย่างเดียว แนวโน้มปริมาณฝนปีหน้าจะน้อย ดังนั้นจึงอยากขอประชาชน รณรงค์ การประหยัดน้ำ และทุกภาคส่วนร่วมกันสร้างความรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจการบริหารน้ำรองรับเอลนิโญ จะไปถึงปี 67ด้วย
เลขาฯ สทนช. กล่าวถึงการเข้ารับมอบนโยบายจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่า นายภูมิธรรม ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการแก้ปัญหาน้ำในพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งซ้ำซาก โดยให้การบ้าน สทนช. ว่า 100 วันนี้ ต้องมีโครงการเร่งด่วนในการแก้ปัญหาให้กับประชาชน ดำเนินการให้แลวเสร็จ 100 วัน ให้เป็นรูปธรรม เช่น การขุดลอกแหล่งน้ำ การกำจัดวัชพืช เพื่อลดการสูญเสียน้ำระดับหนึ่ง และการขับเคลื่อนในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง การสร้างบ่อบาดาลเพิ่มเติม เพื่อนำน้ำมาใช้ ทั้งนี้ยังมีโครงการอื่นๆ ให้รัฐบาลพิจารณาส่งเสริม ที่สำคัญ ที่สทนช. ขอให้ประชาชนงดทำนาปรัง หรือนาปีต่อเนื่อง ได้มีการเสนอกับรัฐบาล และรองนายกฯ ว่าต้องมีอาชีพทางเลือกให้กับเกษตรกร




























