กอนช. ย้ำไม่ได้บริหารน้ำผิดพลาด คาดสถานการณ์น้ำกลับสู่ภาวะปกติเร็วสุดปลายสัปดาห์แรกของเดือน พ.ย.ทุกอย่างวางแผนและวางมาตรการล่วงหน้าแล้ว
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยว่า คาดสถานการณ์ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำชี-มูล จะกลับสู่ภาวะปกติกลางเดือน พ.ย. 65 เตรียมแผนการฟื้นฟูความเสียหายจากอุทกภัยหลังน้ำลดในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศโดยเร็วที่สุด พร้อมระบุในปี 2565 ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุ จำนวน 3 ลูก ได้แก่ พายุมู่หลาน หมาอ๊อน และโนรู รวมถึงได้รับอิทธิพลจากร่องความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงหนือ กลางและตะวันออก ส่งผลให้ปริมาณฝนสะสมทั้งประเทศในช่วง 1 ม.ค. – 22 ต.ค. 65 มีปริมาณถึง 1,775 มิลลิเมตร (มม.) ซึ่งมากกว่าค่าปกติ 21% น้อยกว่าเมื่อปี 2554 อยู่เพียง 3 มม. หรือคิดเป็น 0.2% เท่านั้น พร้อมย้ำไม่ได้บริหารน้ำผิดพลาด โดยมีการวางมาตรการ ไว้ถึง 13 มาตราการ บริหารและหารือทุกส่วนที่เกี่ยวข้องแบบบูรณาการ
ทั้งนี้ สาเหตุที่ระบายน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ออกทางฝั่งตะวันออกและตะวันตกได้น้อย ในช่วงที่ผ่านมา พบว่าเกิดจากปัญหาต้นคลองใหญ่ในขณะที่ปลายคลองมีขนาดเล็ก โดยสำหรับคลองชัยนาท – ป่าสัก มีความจุต้นคลอง 210 ลบ.ม. ต่อวินาที และปลายคลอง 120 ลบ.ม. ต่อวินาที ซึ่งบริเวณปลายคลองมีน้ำท่วมอยู่แล้วจากปริมาณฝนตกในพื้นที่ รวมทั้งมีปริมาณน้ำท่า (Side Flow) มาเติม จึงจำเป็นต้องเร่งระบายน้ำลงด้านท้ายของลุ่มน้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น ทำให้เกินศักยภาพของคันกั้นน้ำที่มีอยู่ในปัจจุบัน ส่งผลให้บางจุดเกิดน้ำล้นคลองและคันคลองขาด ไม่สามารถใช้ในควบคุมน้ำได้ นอกจากนี้ ยังพบปัญหาในบางจุดที่ประชาชนในพื้นที่ไม่ยินยอมให้มีการเสริมคันกั้นน้ำ ซึ่งส่งผลให้น้ำหลากแผ่กว้างในหลายพื้นที่มากขึ้นด้วย

โดยแผนเร่งด่วน ภายใน 1-2 ปีนี้ คือหาพื้นที่แกมลิงเพิ่ม บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา เช่น จังหวัด สุโขทัย อุทัยธานี นครสวรรค์ กำแพงเพชร คาดจะสามารถหน่วงและเก็บน้ำได้ไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านลูกบาศก์เมตร























