กรมส่งเสริมสหกรณ์จับมือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ สนับสนุนทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีให้บุตร – หลานสมาชิกสหกรณ์สหกรณ์โคนมและสหกรณ์การเกษตรที่มีสมาชิกเลี้ยงโคนมตลอดหลักสูตร ระยะเวลาโครงการ 3 ปี ตั้งแต่ ปีการศึกษา 2566 – 2568 เบื้องต้นจัดสรรเงินจากดอกผลของกองทุนพัฒนาสหกรณ์มาสนับสนุนเป็นทุนการศึกษา จำนวน 30 ล้านบาท


ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ต่อยอดจากปี 2560 ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ร่วมกับสถานศึกษาต่าง ๆ ดำเนินโครงการความร่วมมือทางการศึกษาเพื่อสานต่ออาชีพการเลี้ยงโคนม ซึ่งเป็นอาชีพพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม โดยเปิดโอกาสบุตร – หลานสมาชิกสหกรณ์โคนม หรือสหกรณ์การเกษตรที่สมาชิกเลี้ยงโคนม เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีสาขาที่เกี่ยวข้องกับอาชีพเลี้ยงโคนมได้แก่ สาขาสัตวแพทยศาสตร์ และสาขาสัตวศาสตร์และกรมฯ ได้จัดสรรดอกผลจากเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ มาสนับสนุนเป็นทุนการศึกษา เพื่อให้ลูกหลานสมาชิกสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมได้นำความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัย กลับไปต่อยอดอาชีพเลี้ยงโคนมและพัฒนาฟาร์มโคนมของครอบครัว เพื่อช่วยพัฒนาอาชีพการเลี้ยงโคนมและธุรกิจของสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมให้มีความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันมีบุตร – หลานสมาชิกสหกรณ์ได้รับทุนการศึกษาแล้ว 29 คน เป็นสาขาสัตวแพทยศาสตร์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยขอนแก่น รวม 17 คน และสาขาสัตวศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ รวม 12 คน เงินทุนศึกษาตลอดหลักสูตรรวม 8.08 ล้านบาท

“เป็นที่ทราบดีว่าอาชีพการเลี้ยงโคนมเป็นอาชีพพระราชทานซึ่งเริ่มในประเทศไทยมาประมาณ 50กว่าปี ขณะนี้เกษตรกรสมาชิกผู้เลี้ยงโคนมมีอายุมากขึ้น กรมฯ จึงมีแนวทางว่าจะให้บรรดาสมาชิกสหกรณ์ กรรมการสหกรณ์ที่มีลูกหลานที่ยังมีอายุอยู่ในวัยเรียนได้มาเข้ารับทุนการศึกษา โดยเป้าหมายอยากให้สหกรณ์โคนมทั่วประเทศที่อยู่ประมาณ 105 แห่ง ชุมนุมสหกรณ์ จำนวน 8 แห่ง มีสมาชิกมากกว่า 20,270 ครอบครัว จะได้มีคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ด้านวิชาการและทักษะเทคโนโลยีทางการเกษตรแนวใหม่กลับมาพัฒนาฟาร์ม สานต่ออาชีพการเลี้ยงโคนม และสนับสนุนให้เข้าไปทำงานในสหกรณ์โคนม หรือกลับมาช่วยดูแลฟาร์มโคนมอื่น ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ จะเป็นการสร้างความมั่นคงให้กับอาชีพการเลี้ยงโคนม รวมทั้งอยากเห็นเด็กรุ่นใหม่เหล่านี้กลับมาเป็นผู้บริหารสหกรณ์ในอนาคต ซึ่งจะทำให้องค์กรสหกรณ์มีความเข้มแข็ง เป็นกำลังที่สำคัญในการขับเคลื่อน พัฒนาสหกรณ์และชุมชนให้เจริญก้าวหน้า และในโอกาสต่อไป กรมฯมีแนวโน้มที่จะขยายความร่วมมือไปยังสถาบันการศึกษาอื่น ๆ ที่มีความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการจัดสรรโควตารับนิสิตเข้าศึกษาต่อ รวมทั้งจะดึงสหกรณ์เข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนด้านการศึกษาให้กับลูกหลานสมาชิกสหกรณ์ด้วย” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว



























