กรมส่งเสริมสหกรณ์โชว์ผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครับจากป.ป.ช. จัดอยู่ในระดับเกรด A ด้วยคะแนน 93.90 ติดโผลำดับที่ 3 หน่วยงานที่มีคุณธรรมความโปร่งใสของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมเดินหน้าพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพในการปฏิบัติหน้าที่ตามบทบาทภารกิจของกรมฯ พร้อมยึดหลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในการให้บริการแก่สหกรณ์และประชาชนทั่วไปอย่างเต็มที่ กำชับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกระดับร่วมกันรักษา ผลการประเมินคุณธรรมความโปร่งใสในระดับเกรด A นี้ไว้ให้ต่อเนื่องในปีต่อไป

สำหรับผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส(ITA)ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ แยกเป็นผลการประเมินภายใน (Internal ITA:IIT) โดยวัดผลจากข้าราชการ ลูกจ้างและพนักงานราชการของหน่วยงาน ได้ 97.14 คะแนน และการประเมินของผู้มีส่วนได้เสียจากภายนอก (External ETA:EIT) ได้แก่ ผู้ที่มาติดต่อขอรับบริการและประชาชนทั่วไป ได้ 90.87 คะแนน และประเมินเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูล (Open data ITA:OIT) ได้ 93.75 คะแนน ประกอบด้วยตัวชี้วัด ดังนี้ 1.การปฏิบัติหน้าที่ 98.04 คะแนน 2.การใช้งบประมาณ 96.63 คะแนน 3.การใช้อำนาจ 96.90 คะแนน 4.การใช้ทรัพย์สิน 96.78 คะแนน 5.การแก้ไขปัญหาทุจริต 97.35 คะแนน 6.คุณภาพการดำเนินงาน 91.08 คะแนน 7.ประสิทธิภาพการสื่อสาร 91.01 คะแนน 8.การปรับปรุงการทำงาน 90.53 คะแนน 9.การเปิดเผยข้อมูลได้ 100 คะแนนเต็มและ10.การป้องกันทุจริต 87.50 คะแนน ตามลำดับ
“กรมส่งเสริมสหกรณ์จะพัฒนาบุคลากรของหน่วยงานให้มีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ ด้วยความทุ่มเทเสียสละ ยึดหลักธรรมาภิบาลและคุณธรรมความโปร่งใส พร้อมให้บริการแก่สมาชิกสหกรณ์ เกษตรกรและประชาชนทั่วไปอย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์ของสังคมส่วนรวม พร้อมทั้งได้กำชับให้ทุกคนช่วยกันรักษาระดับผลการประเมินคุณธรรมความโปร่งใสในการปฏิบัติงานในระดับเกรด A นี้ไว้อย่างต่อเนื่องในปีต่อ ๆ ไป เพื่อให้เป็นมาตรฐานในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ ในการอำนวยความสะดวกและตอบสนองกับความต้องการของประชาชนเพิ่มมากขึ้น ” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 2565 มีหน่วยงานเข้าร่วมการประเมินฯ ทั้งสิ้น 8,303 หน่วยงาน สรุปผลการประเมินในภาพรวมระดับประเทศ พบว่า มีคะแนนเฉลี่ย 87.57 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนที่สูงขึ้นกว่าปีที่แล้วถึง 6.32 คะแนน อย่างไรก็ตามการประเมิน ITA ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ถือเป็นปีสุดท้ายของช่วงระยะที่ 1 (พ.ศ. 2561 – 2565) ของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ





























