วงเสวนาชำแหละปัญหา “สหกรณ์ไทย” ถูกกติกาบีบ-แทรกแซง-ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ปลุกสมาชิกเกือบ 12 ล้านคน 7,000 สหกรณ์ทั่วไทย รวมตัวสร้างพลังดันเปลี่ยนแปลงช่วยฝ่าวิกฤต ศก. อย่ามัวแต่นั่งรอความหวัง


“อย่างสหกรณ์การเกษตรทำเกี่ยวกับข้าว ถ้านำข้าวที่เป็นผลผลิตขายให้เรือนจำ นักโทษ 3.8 แสนคนทั่วประเทศ จากข้อมูลนักโทษ 1 คนกินข้าวประมาณ 100 กิโลกรัมใน 1 ปี มันก็มีที่ไป แต่เราไม่มีเงินทอนหรือเปล่า เขาก็เลยไม่ซื้อของเรา แถมยังถูกพ่อค้าคนกลางตัดตอน นี่คือปัญหาที่กระทบระบบข้างล่างทั้งหมด เงินออมทรัพย์ก็ไม่สามารถช่วยสมาชิกสหกรณ์ได้ ดังนั้น 2-3 ปีที่ผ่านมา ระบบสหกรณ์ถูกระบบเข้ามากำกับบีบเยอะพอสมควร สหกรณ์ออมทรัพย์ทั้งประเทศถูกสถาบันทางการเงินแทรกแซง ทำให้สมาชิกสหกรณ์เกิดหนี้สิน ขณะที่สหกรณ์ร้านค้า พวกร้านโชว์ห่วยก็ช่วยกันไม่ได้ เพราะถูกร้านสะดวกซื้อกินเรียบ เจอปลาใหญ่กินปลาเล็ก ทำให้เดือดร้อน นั่นทำให้เศรษฐกิจฐานรากกำลังถูกทำลายเหมือนปะการังที่ถูกเรือเร็ววิ่งผ่าน”นายปรเมศวร์ กล่าว

“แนวคิดสหกรณ์ในมุมมองผมในระหว่างที่เรายังไม่สามารถปลดพันธนาการได้ คือ1.อะไรที่ทำแล้วเป็นประโยชน์ร่วมกันของสมาชิกสหกรณ์ด้วยกันเองและบริหารจัดการได้ สหกรณ์ก็ยังแข็งแรงอยู่ 2.ถ้าสหกรณ์สามารถเป็นตัวแทนเชื่อมโยงสิ่งบริโภคต่างๆ ที่สมาชิกต้องใช้ หรือจัดหาในแบบที่ราคาถูกลง คุณภาพดีขึ้น เงื่อนไขที่ดีกว่าแบบตัวใครตัวมัน เป็นไปได้หรือไม่ เกิดประโยชน์ส่วนรวมหรือไม่ 3.สามารถช่วยกันขายผลผลิตอย่างมีอำนาจต่อรอง หรือมีแบรนด์ได้หรือไม่ และ4.เสริมการตลาดจากแบรนด์อื่นมาร่วมจำหน่ายให้ขยายไปถึงผู้บริโภคมากขึ้น โดยขอรับส่วนแบ่งในฐานะคนกลาง ทั้งนี้ พรรคผมเคยมีสโลแกนว่า เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส ที่ยังคงมีความหมายอยู่ ถ้าสหกรณ์และสมาชิกทำตามนี้ได้จริงๆ จะสามารถช่วยเข็นประเทศไทยไปข้างหน้าได้” นายกิตติรัตน์ กล่าว
ขณะที่นายรักษ์พงษ์ กล่าวว่า สหกรณ์มีศักยภาพกว่าที่คิด จากสมาชิกทั้งหมดทั่วประเทศเกือบ 12 ล้านคน จาก 7,000 สหกรณ์ หากเปรียบเทียบ พรรคเพื่อไทย ของนายกิตติรัตน์ ได้คะแนนเสียง 10 ล้านเสียง น้อยกว่าสมาชิกสหกรณ์อีก ดังนั้นถ้าสมาชิกสหกรณ์รวมตัวกันทำอะไรซักอย่าง เช่น เลือกผู้นำ ตั้งรัฐมนตรี ตนว่าทำได้ เทียบกับพรรคเพื่อไทยได้มา 10 ล้านเสียง ได้ ส.ส.มาจำนวนหนึ่ง เลือกมาเป็นรัฐมนตรีสักคน ก็สามารถแก้ปัญหาได้ นี่คือศักยภาพในแง่จำนวนคน ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องรอให้คนจำนวนน้อยมาช่วยเรา เพื่อมาดูว่าใครจะมากำกับเรา รอว่าจะแก้ไขกฎหมายเมื่อใด ใครจะสงสารเราบ้าง ใครจะทำเงินให้เราบ้าง มันไม่ถูก โดยเฉพาะสันนิบาตสหกรณ์ฯ ถือว่าเป็นผู้รวบรวมสหกรณ์ไว้ด้วยกันทั้งหมดต้องนำปลุกใจสหกรณ์ให้มารวมตัวกันทุกมิติ ลุกขึ้นมาสร้างคะแนนเสียงเพื่อเปลี่ยนแปลงกติกาเราเอง สิ่งใดที่ติดขัดก็จะสามารถแก้ไขด้วยตัวเองได้ เราอย่าฝากความหวังกับคนภายนอก
“อีกไม่นานก็จะมีการเลือกตั้งใหญ่ ผมขอเชิญชวนสมาชิกสหกรณ์เกือบ 12 ล้านคนทั้งหมด ร่วมมือกัน หารือกัน เพื่อเปลี่ยนแปลงนโยบายด้วยตัวเอง ไปนั่งรอใครมาช่วยไม่มีหรอก ประเทศนี้ยาก ท่านต้องรวมตัวกันเอง ท่านรู้ปัญหาท่านเอง สามารถเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเองได้ อยู่ที่จะรวมตัวกันหรือไม่” นายรักษ์พงษ์ กล่าว

























