อาจารย์หมอ ม.เกษตรศาสตร์ ให้ความมั่นใจผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย โรค ASF ป้องกันได้ ต้องรู้และเข้าใจปรับปรุง ฟาร์มป้องกันพาหะนำโรค เลี้ยงได้ อย่างปลอดภัย พร้อมยืนยัน โรค ASF ไม่ติดต่อสู่คน ผู้บริโภคไม่ต้องกังวลใจ เน้นปรุงสุกก่อนทุกครั้ง การกินสุกๆดิบๆ ไม่ถูกสุขอนามัย เสี่ยงเป็นไข้หูดับ

การป้องกันโรคนี้ต้องรู้จัก “พาหะนำโรค” ก่อน สิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่สามารถผ่านเข้าไปในโรงเรือน หรือฟาร์ม เป็น พาหะนำโรค ASF ได้ทั้งหมด แม้จะไม่ได้มีอาการป่วยแต่สามารถนำเชื้อไปติดสุกรได้ ยกตัวอย่าง นก สามารถแพร่เชื้อจากโรงเรือนหรือฟาร์มไปสู่อีกที่หนึ่งที่ตั้งอยู่ห่างไกล หากปล่อยให้นกเข้าไปในโรงเรือน กินอาหารจากสุกรที่ป่วย และบินไปโรงเรือนหรือฟาร์มอื่นๆ ก็จะนำเชื้อไปแพร่กระจายต่อ รวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อาทิ หนู สุนัข แมว ยุง แมลงสาบ แมลงวัน หรือแม้กระทั่งคนเองก็เป็นพาหะนำโรคได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม คือ อาหารเหลือจากคน เพราะถ้าอาหารนั้นมีการปนเปื้อนเชื้อ ASF แล้วนำไปให้สุกรกิน จะทำให้สุกรมีโอกาสป่วยได้ สุดท้ายคือ กิจกรรมการขนส่งเคลื่อนย้าย หากรถขนส่งหมูมีการปนเปื้อนและเกษตรกรสัมผัส ก็จะติดเชื้อแล้วนำพาเชื้อมาสู่คอกสุกรได้
ผศ.น.สพ.ณัฐวุฒิ รัตนวนิชย์โรจน์ ให้ความมั่นใจว่าเกษตรกรรายย่อยจะสามารถกลับมาเลี้ยงสุกรได้ แต่ต้องปรับ รูปแบบการทำฟาร์มสุกรที่จะเปลี่ยนแปลงไป เกษตรกรต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจ มีการสำรวจพื้นที่ที่ยังไม่เคยมีการแพร่ระบาด พร้อมเตรียมระบบการจัดการและแนวทางป้องกันที่ได้มาตรฐานมากขึ้น ซึ่งการทำระบบ Biosecurity สามารถตอบโจทย์ได้ดี โดยเฉพาะในฟาร์มขนาดเล็ก มีการจราจรน้อยกว่ากลับทำได้ง่ายกว่าฟาร์มใหญ่ๆ และในอนาคตอันใกล้นี้จะมีรูปแบบการเลี้ยงที่ตอบโจทย์กลุ่มเกษตรกรมากขึ้น ส่วนเรื่องของวัคซีนยังไม่ใช่ความต้องการลำดับต้นๆ เนื่องจากวัคซีนทำยาก และการระบาดรุนแรง สุกรส่วนใหญ่เมื่อได้รับเชื้อ จะสามารถสร้างภูมิคุมกันได้ แต่ฆ่าเชื้อไม่ได้ ส่วนมากสุกรตายก่อน เพราะฉะนั้นหลายประเทศจะใช้วิธีทำลาย
























