กรมชลประทาน ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และผลักดันน้ำ เร่งระบายน้ำออกพื้นที่ลุ่มต่ำ ชี-มูล และพื้นที่ลุ่มต่ำเจ้าพระยา บรรเทาความเดือดร้อนประชาชนและให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว พร้อมเก็บกักน้ำที่เหลือไว้ให้เกษตรกรใช้สำหรับทำนาปรังฤดูแล้งปี 2565

ด้านพื้นที่ลุ่มต่ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้เริ่มระบายน้ำออกตั้งแต่ ต้น ต.ค. 64 เป็นต้นมา ปัจจุบันยังมีน้ำคงเหลือในทุ่ง ประมาณ 1,721.51 ล้าน ลบ.ม. โดยจะคงเหลือน้ำไว้ในทุ่งประมาณ 460 ล้าน ลบ.ม. หรือความลึกประมาณ 30 เซนติเมตร เพื่อเป็นน้ำต้นทุนสำหรับทำนาปรังในช่วงต้นฤดูแล้งนี้ ซึ่งจะต้องระบายน้ำออกจากทุ่งประมาณ 1,261.21 ล้าน ลบ.ม. ด้วยการใช้เครื่องสูบน้ำ 892 เครื่อง ระบายน้ำได้ 1,161.50 ล้าน ลบ.ม. เครื่องผลักดันน้ำ 308 เครื่อง และเครื่องจักรอื่นๆ 107 หน่วย คาดว่าจะสามารถระบายน้ำออกจากทุ่งได้ตามเป้าประมาณกลางเดือน ธ.ค. 64 ในส่วนของทุ่งเจ้าพระยาตอนล่างฝั่งตะวันตก กรมชลประทาน ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่เพิ่มเติมจากเดิมเครื่องสูบน้ำถาวร 235 เครื่อง เพิ่มเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่อีก 59 เครื่อง รวม 294 เครื่อง สูบระบายน้ำได้รวม 52.81 ล้าน ลบ.ม./วัน
สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปริมาณน้ำทางตอนบนลดลงอย่างต่อเนื่อง เช้าวันนี้(15 พ.ย. 64) มีน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 1,333 ลบ.ม./วินาที ทำให้ปริมาณน้ำด้านท้ายเขื่อนลดลงตามไปด้วย ในขณะที่บริเวณอ.บางไทร ที่เป็นจุดเฝ้าระวังก่อนที่น้ำจะไหลผ่านลงสู่กรุงเทพฯและปริมณฑล มีปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ย 1,651 ลบ.ม./วินาที แนวโน้มลดลงเช่นกัน
ในส่วนของลุ่มน้ำป่าสัก ปัจจุบันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ระบายน้ำวันละ 6.94 ล้าน ลบ.ม. หรือ 80.28ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนป่าสักฯ ลดลงอย่างต่อเนื่องต่ำกว่าตลิ่งหมดแล้ว ทั้งนี้ ยังคงควบคุมน้ำไหลผ่านเขื่อนพระรามหก ในเกณฑ์ 85 ลบ.ม./วินาที พร้อมกันนี้ได้ผันน้ำบริเวณเหนือเขื่อนพระรามหกเข้าคลองระพีพัฒน์ 142 ลบ.ม./วินาที
สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำท่าจีน ปัจจุบันระดับน้ำในแม่น้ำท่าจีน ยังคงส่งผลกระทบต่อผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำท่าจีนในเขตจังหวัดสุพรรณบุรี และนครปฐม กรมชลประทาน ได้บริหารจัดการโดยผันน้ำไปยังคลองที่ยังสามารถรับน้ำได้ อาทิเช่น ด้านฝั่งตะวันตก ประกอบด้วย คลองมะขามเฒ่า-อู่ทอง(คลอง มอ.) คลองมะขามเฒ่า-กระเสียว(คลอง มก.) ด้านฝั่งตะวันออก ประกอบด้วย คลองชัยนาท-ป่าสัก ผ่านประตูระบายน้ำ(ปตร.)มโนรมย์ และคลองชัยนาท-อยุธยา รับน้ำผ่าน ปตร.มหาราช เป็นต้น รวมปริมาณน้ำที่ผันเข้าทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก รวม 366 ลบ.ม./วินาที ด้านเขื่อนกระเสียว ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 303 ล้าน ลบ.ม. เต็มความจุอ่างฯ ระบายน้ำ 4.59 ลบ.ม./วินาที ได้มอบหมายให้โครงการชลประทานในพื้นที่ร่วมกับสำนักเครื่องจักรกล วางแผน และติดตามผลการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ โดยปัจจุบันได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำแล้ว 77 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 132 เครื่อง ปัจจุบันระดับน้ำที่สถานี T.13 อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี มีระดับลดลง 1 ซม. และสถานี T.1 อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม มีระดับเท่ากับเมื่อวาน
นายประพิศฯ กล่าวด้วยว่า นอกจากการระบายน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น กรมชลประทานยังได้วางแผนเก็บกักน้ำไว้เป็นน้ำต้นทุน เพื่อให้มีน้ำใช้ในกิจกรรมต่าง ทั้งเพื่อการเกษตร อุปโภค บริโภค รักษาระบบนิเวศ และอื่นๆ ได้อย่างเพียงพอตลอดฤดูแล้งนี้ รวมทั้งการสำรองไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝนปีหน้าด้วย ส่วนในพื้นที่ภาคใต้ขอให้ทุกโครงการชลประทานติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำโดยใช้ระบบชลประทานในการบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมกันนี้ขอให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนเกี่ยวกับการคาดการณ์สถานการณ์น้ำให้ประชาชนทราบล่วงหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้



























