สถานการณ์น้ำในหลายพื้นที่มีแนวโน้มดีขึ้น หลังปริมาณน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงต้องเฝ้าระวัง อิทธิพลจากพายุดีเปรสชั่น “ไลออนร็อก” กรมชลประทาน สั่งทุกโครงการชลประทานทั่วประเทศ เตรียมรับมือ ตามประกาศของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กอนช.)


ส่วนในพื้นที่ลุ่มน้ำชี-มูล ที่ได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมพาดผ่าน ประกอบกับอิทธิพลจากพายุโกนเซิน และพายุเตี้ยนหมู่ ทำให้เกิดฝนตกหนักบริเวณต้นน้ำของแม่น้ำชี ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำชีเพิ่มสูงขึ้น ไหลเข้าท่วมพื้นที่ริมตลิ่งในหลายจังหวัด กรมชลประทาน ได้ทำการตัดยอดน้ำเข้าไปเก็บกักในพื้นที่แก้มลิงติดกับแม่น้ำชี พร้อมจัดจราจรทางน้ำในลุ่มน้ำชี-มูล เพื่อเร่งการระบายน้ำในลำน้ำชี-มูล ลงสู่แม่น้ำโขงให้เร็วที่สุด ปัจจุบันระดับน้ำในแม่น้ำโขงมีระดับต่ำกว่าแม่น้ำมูลประมาณ 3.6 เมตร จึงทำให้การระบายทำได้ดี ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำชีมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่าหากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม สถานการณ์น้ำจะกลับเข้าสู่ตลิ่งประมาณสิ้นเดือนตุลาคมนี้
อย่างไรก็ตาม กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ในช่วงวันที่ 11 ต.ค.64 พายุดีเปรสชัน “ไลออนร็อก” ปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงในระยะต่อไป ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จึงยังคงต้องเฝ้าระวังทิศทางของพายุและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
ในส่วนของสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ที่เริ่มคลี่คลายแล้ว ได้กำชับให้โครงการชลประทานในพื้นที่ เร่งสำรวจความเสียหายของอาคารชลประทาน เพื่อปรับปรุงให้มีสภาพพร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ ทั้งนี้ เนื่องจากยังคงอยู่ในช่วงฤดูฝน จึงขอให้ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด นำข้อมูลมาวิเคราะห์ในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำหลากควบคู่ไปกับการเก็บกักน้ำเพื่อสำรองไว้ใช้ในฤดูแล้งหน้าให้ได้มากที่สุด ตามข้อสั่งการของรัฐบาล ที่สำคัญให้ทำการประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจถึงสถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับรู้รับทราบอย่างต่อเนื่อง



























