เอส.พี.ดีเอ็นเตอร์ไพร์ซ ผงาดผนึกความร่วมมือพันธมิตรทางการค้าระหว่างประเทศไทย-แอฟริกา ตั้งศูนย์กระจายสินค้าในกรุงเทพ-เคนยาเป็นประตูการส่งออก-นำเข้าสินค้าของไทย-แอฟริกา มุ่งกระจายสินค้าเกษตรและนวัตกรรมยึดหัวหาดตลาดแอฟริกา วางเป้าส่งออกไม่ต่ำกว่า 200 ล้าน/ปี นำร่องสินค้าข้าวหอมมะลิ ซีเรียล ชา กาแฟเพื่อสุขภาพ

นอกจากนี้ภายใต้บันทึกข้อตกลงยังครอบคลุมไปถึงการส่งเสริมนวัตกรรมและการเรียนรู้ด้านการเกษตร การปลูกข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ส่งเสริมการปลูกข้าวออร์แกนิก ปลูกชา การทำโรงงานสี โรงงานอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป กลุ่มซีเรียล ชา การเกษตรอย่างครบวงจรสำหรับส่งออกไปยังสาธารณรัฐเคนยาและประเทศในทวีป แอฟริกา ซึ่งเป็นประเทศที่มีการทำการเกษตรเป็นหลัก
“การลงนามความร่วมมือระหว่างบริษัท เอส.พี.ดี เอ็นเตอร์ไพร์ซฯของไทยกับ Kenthai Global Steering Limited พันธมิตรทางการค้าระหว่างประเทศ ไทย-เคนยา-แอฟริกา ในครั้งนี้ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในการที่ผู้ประกอบการด้านภาคเกษตรของไทย ในการบุกเบิกขยายช่องทางตลาดใหม่ๆ เพื่อความอยู่รอดท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบัน เนื่องจากการเป็นการเปิดมิติใหม่ๆนำไปสู่การผลักดันให้เกิดกลุ่มผู้ประกอบการคนไทย ที่จะนำสินค้าไปขายที่แอฟริกา โดยมีสถานที่ตั้งในกรุงเทพมหานครเพื่อรับรองคู่ค้าที่จะเดินทางมาที่เมืองไทย เพื่อเจรจา การแลกเปลี่ยนทางการค้าการลงทุนต่างๆตลอดจนมี Nairobi, Kenya Hub กระจายสินค้าในการรองรับสินค้าไทย เพื่อการกระจายสินค้าไปทั่วภูมิภาคแอฟริกาโดยวางเป้าหมายมูลค่าขั้นต่ำ 200 ล้านบาท/ปี รวมทั้งยังเป็นการช่วยเผยแพร่วัฒนธรรม การท่องเที่ยวระหว่างกันด้วย ส่งเสริมเอกลักษณ์ ภาพลักษณ์ของคนไทยอีกทางหนึ่งด้วย” นางสาวกรชวัล กล่าว

ด้านนายปกรณ์ ปั้นลี้ ประธาน บริษัท kenthai global steering limited กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันแอฟริกามีแนวโน้มการบริโภคและการนำเข้าสินค้าข้าวและอาหารและเครื่องดื่มสำเร็จรูป สินค้าสมุนไพร มุ้งลวดและโครงสร้างต่างๆสูงขึ้น เนื่องจากภาคการผลิตของแอฟริกายังไม่สามารถตอบสนองความต้องการภายในประเทศได้เพียงพอ ทำให้ต้องพึ่งพาการนำเข้าเป็นหลัก รวมทั้งภาพลักษณ์สินค้าและบริการของไทยต่อสายตาชาวแอฟริกา ก็ถือว่ามีภาพลักษณ์ที่ดีมาก สินค้าไทยในแอฟริกาใต้ได้รับความนิยมมาก เช่น ข้าวไทย จากผลการสำรวจในห้างค้าปลีกรายใหญ่ในเมืองโจฮันเนสเบิร์ก คนส่วนใหญ่จะหยิบข้าวไทยก่อน ส่วนแนวโน้มความต้องการสินค้าแอฟริกาของไทยเท่าที่ศึกษา ส่วนใหญ่จะเป็น น้ำมันดิบ สินแร่โลหะ เศษโลหะ เหล็กและเหล็กกล้า เครื่องเพชรและอัญมณี ทองคำ ในเรื่องอาหาร ผลไม้ อะโวคาโด แมคคาเดเมีย กาแฟ ชา เนื้อสัตว์ ขนสัตว์ ซึ่งถือเป็นวัตถุดิบที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมในประเทศไทย ดังนั้นแอฟริกาจัดเป็นแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญของไทยในอนาคตอีกเช่นกัน

สำหรับสถานการณ์การส่งออกสินค้าไทยไปยังยังแอฟริกาใต้ที่ผ่านมา มีมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 598.8 ล้านดอลลาร์ (หรือคิดเป็นร้อยละ 0.7 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย) โดยสินค้าที่ส่งออกมากที่สุดได้แก่ ข้าว รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องยนต์และส่วนประกอบ เป็นต้น ส่วนสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปเคนยา ได้แก่ ข้าว น้ำตาลทราย รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และเม็ดพลาสติก การนำเข้าสินค้าจากแอฟริกาใต้ของไทยมีมูลค่าประมาณ 379.1 ล้านดอลลาร์ (หรือคิดเป็นร้อยละ 0.4 ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมดของไทย) สินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากเคนยา ได้แก่ เคมีภัณฑ์ สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งแปรรูป แผงวงจรไฟฟ้า สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ และเนื้อสัตว์สำหรับการบริโภค






















