กรมชลประทาน จับมือการประปานครหลวง เฝ้าระวังค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิด พร้อมปรับแผนการระบาบยน้ำเตรียมพร้อมปฏิบัติการ water hammer หวังลดค่าความเค็ม ไม่ให้ส่งผลกระทบน้ำประปา

ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ฤดูฝนปี 2563 ที่ผ่านมา มีฝนตกทางตอนบนน้อยกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ส่งผลให้ปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยาอยู่ในเกณฑ์น้อย ประกอบกับมีการเพาะปลูกข้าวนาปีล่าช้า เนื่องจากฝนตกช่วงต้นฤดูฝนที่ผ่านมาน้อย แม้ว่าปัจจุบันจะยังคงเหลือพื้นที่รอการเก็บเกี่ยวประมาณ 300,000 ไร่ กรมชลประทาน จะให้การช่วยเหลือจนกว่าจะเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จ พร้อมขอความร่วมเกษตรกรและประชาชนให้ใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดเพียงพอใช้ตลอดฤดูแล้งไปจนถึงต้นฤดูฝนปีหน้า
สำหรับสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง(storm surge)วันที่ 10 ม.ค. 64 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ค่าความเค็มในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลุ่มน้ำแม่กลอง ลุ่มน้ำท่าจีน และแม่น้ำบางประกง เพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบันที่สถานีสูบน้ำประปาสำแล ลุ่มน้ำเจ้าพระยา วัดค่าความเค็มได้ 1.36 กรัมต่อลิตร (เกณฑ์เฝ้าระวัง 0.25 กรัมต่อลิตร มาตรฐานเพื่อการผลิตน้ำประปาไม่เกิน 0.50 กรัมต่อลิตร) ที่สถานีปากคลองจินดา แม่น้ำท่าจีน วัดค่าความเค็มได้ 1.70 กรัมต่อลิตร (เกณฑ์เฝ้าระวัง 0.75 กรัมต่อลิตร เกณฑ์เฝ้าระวังเพื่อการเกษตรไม่เกิน 2 กรัมต่อลิตร) ที่สถานีวัดน้ำปากคลองดำเนินสะดวก แม่น้ำแม่กลอง วัดค่าความเค็มได้ 0.37 กรัมต่อลิตร (เกณฑ์เฝ้าระวังสำหรับกล้วยไม้ 0.75 กรัมต่อลิตร เกณฑ์เฝ้าระวังเพื่อการเกษตรไม่เกิน 2 กรัมต่อลิตร)



























