วันนี้ (20 ก.ย. 63) ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำในเขตพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากพายุ “โนอึล” โดยมี นายประสานต์ พฤกษาชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 7 นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม ผู้อำนวยการสำนักเครื่องจักรกล นายวัชระ เสือดี ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายปกรณ์ สุตสุนทร ผู้เชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษาอุทกวิทยา และ สำนักงานชลประทานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมผ่าน ระบบ video conference ณ ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC7) สำนักงานชลประทานที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี

สำหรับสถานการณ์น้ำปัจจุบัน (20 ก.ย. 63) ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดใหญ่ทั่วประเทศมีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 37,208 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 49 ของความจุอ่างรวมกัน เป็นปริมาณน้ำใช้การได้รวมกัน 13,383 ล้าน ลบ.ม. มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่จำนวน 35 แห่ง (1 พ.ค. 63 – ปัจจุบัน) มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างประมาณ 11,575 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (ภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยฯ ป่าสักฯ) มีปริมาณน้ำรวมกัน 10,300ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 41 ของความจุอ่างรวมกัน เป็นน้ำใช้การได้รวมกัน 3,614 ล้าน ลบ.ม. มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำประมาณ 44.56 ล้าน ลบ.ม. แนวโน้มสถานการณ์น้ำท่าในแม่น้ำสายหลัก 9 แห่ง (แม่น้ำชี มูล โขง น่าน ยม วัง ปิง เจ้าพระยา ป่าสัก) มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้โครงการชลประทานทุกแห่ง เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อพื้นที่ทั้งในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทาน พร้อมปฏิบัติตามแนวทางการบริหารจัดการน้ำหลาก ด้วยการกำหนดพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย กำหนดคนผู้รับผิดชอบในพื้นที่ต่างๆ วิเคราะห์ ติดตาม สถานการณ์น้ำ รวมทั้งประสานงานกับหน่วยงานระดับท้องถิ่น เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที กำหนดเครื่องจักรเครื่องมือ อาทิ รถขุด รถแทรกเตอร์ เครื่องสูบน้ำ พร้อมใช้งานเข้าประจำจุดเสี่ยงทั่วประเทศ รวมทั้งกำชับเจ้าหน้าที่ให้คอยติดตาม ตรวจสอบสภาพความปลอดภัยเขื่อน อ่างเก็บน้ำ ประตูระบายน้ำ อาคารชลประทาน ให้มีสภาพพร้อมใช้งาน ตลอดจนกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ และบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม ควบคู่ไปกับการเก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุด โดยไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายอ่างฯ




























