วันนี้ (8 สิงหาคม 2563) ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีฝ่ายบำรุงรักษา ในฐานะประธานการประเมินการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการโครงการชลประทาน และฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษา ประจำปี พ.ศ.2564 นำคณะอนุกรรมการฯ ลงพื้นที่ตรวจประเมินและติดตามการดำเนินงานของฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 4 โครงการชลประทานเชียงใหม่ สำนักงานชลประทานที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่
ในการนี้ รองอธิบดีฝ่ายบำรุงรักษา ลงพื้นที่ตรวจติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 4 โดยมีนายสุดชาย พรหมมลมาศ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 พร้อมด้วยนายจรินทร์ คงศรีเจริญ ผู้อำนวยการชลประทานเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานชลประทานที่ 1 ร่วมให้การต้อนรับ ณ ที่ทำการฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 4 โครงการชลประทานเชียงใหม่ มีนายชนม์ฐพัฒน์ เครือศรี หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 4 เป็นผู้นำเสนอผลงานต่อคณะอนุกรรมการฯ 
นายชนม์ฐพัฒน์ หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำฯ ที่ 4 กล่าวว่า ” ฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 4 ได้ดำเนินการด้วยหลักการ เข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา และนำแนวทาง RID No.1 มาเป็นกลยุทธ์ในการปฏิบัติงาน และเนื่องจากโครงการได้มีการใช้งานมานาน ต้องมีการจัดเก็บฐานข้อมูลต่างๆ ที่มีมากมาย จึงใช้การจัดทำและการจัดเก็บข้อมูลออกเป็น 17 กลุ่มข้อมูล เพื่อความเป็นระเบียบและสะดวกต่อการนำไปใช้และพัฒนาต่อยอดงานชลประทานในพื้นที่อย่างเป็นระบบนอกจากนี้ ยังได้เน้นการคิดค้นและนำนวัตกรรมมาใช้ในการปฏิบัติงาน หรือปรับปรุงวิธีการทำงาน ด้วยการใช้แอพพลิเคชั่น ไลน์ ในการติดต่อสื่อสารกับกลุ่มผู้ใช้น้ำ ที่มีความต้องการข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็วและสามารถเข้าไปแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที ซึ่งมีการจัดตั้งกลุ่มบริหารการใช้น้ำ (ขนาดกลาง 4 กลุ่ม) ครอบคลุมพื้นที่ 31,004 เป็นกลุ่มพื้นฐาน 49 กลุ่ม ครอบคลุมพื้นที่ 73,886 ไร่ และได้สร้างการมีส่วนร่วมและสนับสนุนในกิจกรรมต่างๆ ของกลุ่มผู้ใช้น้ำได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม”
หลังจากคณะอนุกรรมการฯ ได้รับฟังการนำเสนอผลงานเรียบร้อยแล้ว ดร.ทวีศักดิ์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ได้ลงพื้นที่พบปะเกษตรกรกลุ่มผู้ใช้น้ำชลประทาน ในพื้นที่ฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 4 ซึ่งรองอธิบดีกรมชลประทานได้กล่าวกับกลุ่มผู้ใช้น้ำชลประทานว่า “จะเร่งดำเนินการสำรวจพื้นที่สร้างอ่างเก็บน้ำแม่สาว ในบริเวณลำห้วยแม่สาว บ้านโป่งไฮ หมู่ที่ 3 ตำบลแม่สาว อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเสนอของบประมาณในการก่อสร้างต่อไป ทั้งนี้ถ้าโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่สาวได้รับการอนุมัติงบประมาณและดำเนินการสำเร็จตามแผนที่ได้วางไว้ จะสามารถเก็บกักน้ำได้มากถึง 13 ล้าน ลบ.ม. ช่วยเหลือเกษตรกรในฤดูแล้งได้มากกว่า 8,000 ไร่ และในฤดูฝนจะช่วยได้มากกว่า 13,000 ไร่ ซึ่งจะใช้งบประมาณ ประมาณ 300 ล้านบาท”
