แอปเปิลเปิดตัว “iPhone 11” เพิ่มกล้องหลัง Ultra-Wide ราคา 699 ดอลลาร์
บริษัท แอปเปิล อิงค์ จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ “สตีฟ จ๊อป เธียเตอร์” ในเมืองคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อ 10 ก.ย. 2562 (ตามเวลาท้องถิ่น) โดยเปิดตัว iPhone 11 ของพวกเขาตามความคาดหมาย มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆ รวมทั้งกล้องหลังที่เพิ่มเข้ามาอีก 1 ตัว
iPhone 11 ยังคงดีไซน์เดิมไว้คือมีรอยบากด้านบนของหน้าจอ ขณะที่ตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียมที่ผ่านกระบวนการอโนไดซ์ (anodized aluminum) หรือการชุบผิวเพื่อเพิ่มความทนทาน ก่อนปูด้วยกระจกที่แอปเปิลอ้างว่า แข็งที่สุดเท่าที่มีในสมาร์ทโฟน สามารถกันน้ำได้ที่ความลึก 2 เมตร นาน 30 นาที มี 6 สีให้เลือกได้แก่ ม่วง, ขาว, เหลือง, เขียว, ดำ และ แดง
iPhone 11 ใช้จอที่เรียกว่า Liquid Retina display ซึ่งเป็นจอ LCD ประสิทธิภาพสูง ความกว้าง 6.1 นิ้ว แสดงผลสีแบบ True Tone แอปเปิลยังเปลี่ยนไปใช้ชิปประมวลผลจาก A13 เป็น A13 Bionic ที่พวกเขาอ้างว่าสามารถประมวลผลกราฟิกเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนที่มีในตลาด ขณะที่แบตเตอรี่จะใช้งานได้นานกว่า iPhone XR อีก 1 ชั่วโมง
ความเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่สุดของ iPhone 11 คือ ระบบกล้องคู่ด้านหลัง ประกอบด้วยกล้องปกติ (Wide) และกล้องมุมกว้างพิเศษ (Ultra-Wide) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับเซนเซอร์ใหม่ โฟกัสในที่แสงน้อยเร็วขึ้น 3 เท่า แฟลชสว่างขึ้น 36%, ระบบ Night Mode ที่จะใช้งานอัตโนมัติเมื่อบริเวณโดยรอบมืดเพียงพอ ซึ่งจะทำให้ภาพสว่างขึ้น
การถ่ายวิดีโอรองรับการถ่ายคลิปความละเอียดสูง 4K ที่ 60 fps พร้อมฟีเจอร์อื่นๆ เช่นถ่ายคลิปสโลว์โมชั่น (Slow-mo) และ time lapse แอปเปิลยังเพิ่มความเสถียรของการถ่ายวิดีโอและขยายช่วงการรับแสงให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Quick Take ที่ให้ผู้ใช้สามารถถ่ายวิดีโอในโหมดถ่ายรูป ด้วยการกดปุ่มถ่ายรูปค้างไว้ด้วย ส่วนกล้องหน้าเพิ่มความละเอียดเป็น 12 ล้านพิกเซลแล้ว รองรับการถ่ายรูปแนวนอน และการถ่ายวิดีโอแบบสโลว์โมชั่น ซึ่งแอปเปิลเรียกว่า สโลว์ฟี
สำหรับ iPhone 11 มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 699 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 21,405 บาท) ซึ่งถือว่าถูกกว่าไอโฟนรุ่นอื่นๆ ที่เคยมีมา รวมทั้ง iPhone XR สมาร์ทโฟนราคาประหยัดของแอปเปิล ที่เปิดตัวในราคา 749 ดอลลาร์สหรัฐฯ