ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ป้องกันปราบปราบปรามผู้กระทำความผิดกฎหมายซึ่งอาศัยโอกาสในช่วงที่มีวิกฤติการระบาดของโรคโควิด 19 โดยสั่งการให้ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ผอ.ศปอส.ตร.) ดำเนินการเร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุม ตามสั่งการของนากยกรัฐมนตรี ให้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยผู้ต้องหาได้สร้างลิ้งค์แปลกปลอมในการหลอกลวงเอาข้อมูลรหัสไลน์ของผู้เสียหาย และนำไลน์ดังกล่าวหลอกให้ผู้อื่นโอนเงินให้
ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ผอ.ศปอส.ตร.) ,พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. ,พล.ต.ท. ชวลิต แสวงพืชน์ ผบช.สทส. ,พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.ก. ,พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา รอง ผบช.สทส./รอง หน.ฝ่ายเทคนิคและสืบสวน ศปอส.ตร. สั่งการให้
พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.ขส.บช.ปส. /หน.ชุดเทคนิคและสืบสวนที่ 2 ศปอส.ตร. ,พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผบก.ปอท. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. , พ.ต.อ.ธรากร เลิศพรเจริญ รอง ผบก.ปอท. ,พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ ผกก.1 บก.ปอท. ,พ.ต.ท.รัฐพงศ์ แก้วยอด รอง ผกก.1 บก.ปอท. พ.ต.ท.ภานุภัทร กิตติพันธ์ รอง ผกก.1 บก.ปอท. ,พ.ต.ต.ฉัตรชัย เหมวิลัย สว.กก.1 บก.ปอท. , เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร. ,เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอท. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองลพบุรี ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา คือ นายสมพร สิงห์ห่วง อายุ 26 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.259/2563 ลงวันที่ 4 มิ.ย.2563
สถานที่จับกุม/ตรวจค้น ห้องเช่าเลขที่ 17/5 ภายในหมู่บ้านทรัพย์ศิริ ม.8 ต.ท่าศาลา อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี
ข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น มาตรา 341 ประกอบมาตรา 342(1) ตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499, เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน มาตรา 5, เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน มาตรา 7, ทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือ บางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ มาตรา 9 และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 14(1) ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550”
พร้อมของกลาง
1. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ไอโฟน 11 สีดำ หมายเลขโทรศัพท์ 06119089939 หมายเลขอีมี่ 353917106152463 353917106246372 จำนวน 1 เครื่อง
2. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ไอโฟน สีดำ หมายเลขโทรศัพท์ 0618983783 หมายเลขอีมี่ 356567101226957 356567101046199 จำนวน 1 เครื่อง
3. สมุดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขที่ 7781242619 ชื่อบัญชี นายสมพร สิงห่วง จำนวน 1 เล่ม พร้อมบัตรเดบิต หมายเลข 4215 8487 1833 0751 จำนวน 1 ใบ
4. สมุดบัญชีธนาคารกรุงไทย เลขที่ 152 0 547 68 4 ชื่อบัญชี นายกันทรากร ค้ามาก จำนวน 1 เล่ม พร้อมบัตรเอทีเอ็ม หมายเลข 4732 5260 2857 3054 จำนวน 1 ใบ
5. สมุดบัญชีธนาคารกรุงไทย เลขที่ 152 0 547 69 2 ชื่อบัญชี นายปุณณรัตน์ บุญงอก จำนวน 1 เล่ม พร้อมบัตรเอทีเอ็ม หมายเลข 5222 3011 1875 8401 จำนวน 1 ใบ
6. สมุดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่ 408 153 823 2 ชื่อบัญชี นางสายพิน สิงห่วง จำนวน 1 เล่ม
พฤติการณ์คดี ด้วย ศปอส.ตร. ,บก.ปอท. ได้รับแจ้งความจากผู้เสียหายว่า ได้มีคนร้ายแฮกไลน์ของผู้เสียหาย โดยหลอกให้กดลิ้งค์โหวตหลาน หลอกให้ผู้เสียหายกรอกข้อมูลส่วนตัวและรหัสไลน์ของตน จากนั้นคนร้ายได้ใช้ไลน์ของผู้เสียหายไปหลอกลวงให้บุคคลอื่นโอนเงินให้กับคนร้าย ทำให้มีผู้ได้รับความเสียหายจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายนับล้านบาท จากการสืบสวนทางเทคนิค จนสามารถพิสูจน์ทราบตัวคนร้าย และติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย
อนึ่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการตรวจค้นพบอาวุธปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อ กล็อก รุ่น 19 สีดา จานวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนจำนวน 10 นัดบรรจุอยู่ในแม็กกาซีน ภายในห้องนอนของผู้ต้องหาตามหมายจับ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้สอบถามถึงเอกสารการครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน แต่นายสมพรฯ ไม่สามารถนำเอกสารการครอบครองอาวุธปืนดังกล่าวมาแสดงได้ และให้การว่าได้ซื้อมาในราคา 40,000 บาท โดยไม่มีการโอนทะเบียนครอบครองแต่อย่างใด จึงทำการตรวจยึดอาวุธปืนดังกล่าวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี เพื่อดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาโดยนำเงินมาใช้จ่ายและเล่นการพนัน
– ฝากถึงประชาชนทั่วไปที่ใช้งานแอพลิเคชั่นต่างๆ ไม่ว่าไลน์ เฟซบุ๊ค อินสตาแกรม ไม่ควรกดเข้าไปดูลิ้งค์ที่มีลักษณะผิดปกติ หรือมาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ มิเช่นนั้นอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพในการขโมยข้อมูลส่วนตัวของตน
– ไม่ควรให้รายละเอียดข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญในลิ้งค์ที่มีลักษณะผิดปกติ หรือมาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าข้อมูลเกี่ยวบัญชีธนาคาร รหัสบัตรเอทีเอ็ม รหัสอีเมลแอดเดรส เพราะมิจฉาชีพอาจใช้ข้อมูลของท่านในการกระทำความผิด
– ควรตั้งค่าความปลอดภัยการเข้ารหัสสองชั้นในแอพพลิเคชั่นสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ
– ไม่ควรโอนเงินให้บุคคลอื่น ไปยังบัญชีธนาคารที่ตนไม่รู้จัก หรือใช้ชื่อบัญชีธนาคารของคนอื่น
– ก่อนโอนเงินควรโทรสอบถามไปยังเพื่อนทางหมายเลขโทรศัพท์ ที่มีการติดต่อได้จริงๆ
– ฝากถึงนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่มีความสนใจ มีความรู้ความสามารถทางด้านเทคโนโลยี อย่านำความรู้ความสามารถ ไปใช้ในทางที่ผิด
สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอฝากถึงพี่น้องประชาชนที่ถูกหลอกลวงให้โอนเงินโดยมีพฤติการณ์การกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันนี้ สามารถแจ้งเหตุผ่านสายด่วนของ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ที่สายด่วนหมายเลข 1155 และ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง