“ชสอ.จับมือ สสท. และขบวนการสหกรณ์ เตรียมจัดงาน วันออมแห่งชาติ ประจำปี 2562”

​ชสอ. จับมือ สสท. และขบวนสหกรณ์ทั้ง 7 ประเภท เตรียมพร้อมจัดกิจกรรม "วันออมแห่งชาติ ประจำปี 2562" ตั้งเป้าระดมเงินออม 5 หมื่นล้าน

0
1164

“ชสอ.จับมือ สสท. และขบวนการสหกรณ์ เตรียมจัดงาน วันออมแห่งชาติ ประจำปี 2562”

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นประธานพิธีแถลงข่าวงานวันออมแห่งชาติ ประจำปี 2562 ของขบวนการสหกรณ์ โดยมีพลตำรวจโท วิโรจน์ สัตยสัณห์สกุล ประธานกรรมการดำเนินการชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด (ชสอ.) และนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานกรรมการดำเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.) ร่วมแถลงข่าว ณ สำนักงาน ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด ถนนนครอินทร์ ตำบลบางสีทอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี

นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2541 กำหนดให้วันที่ 31 ตุลาคมของทุกปีเป็น “วันออมแห่งชาติ” เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการประหยัดและการออมว่าเป็นส่วนสำคัญของชีวิตที่จะต้องกระทำอย่างต่อเนื่องขาดมิได้ ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ก็ตาม ทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการที่จะระดมเงินออมในภาคประชาชน โดยรัฐบาลจะสนับสนุนการดำเนินงานของสหกรณ์ทั่วประเทศกว่า 8,000 แห่ง สมาชิกรวมกว่า 12 ล้านคน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


ดังนั้น สหกรณ์ควรพัฒนาขีดความสามารถของสหกรณ์ให้มีการดำเนินงานที่ได้มาตรฐาน เร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินสมาชิกสหกรณ์ ให้สมาชิกมีวินัยทางการเงิน วางแผนการใช้จ่าย โดยให้สหกรณ์เข้าไปสร้างความเข้าใจแก่สมาชิก ส่งเสริมอาชีพ เพื่อให้มีรายได้เพียงพอสำหรับการใช้จ่าย และมีทุนเพียงพอสำหรับการประกอบอาชีพในนามตัวแทนของรัฐบาล จึงขอบคุณขบวนการสหกรณ์ที่ร่วมกันจัดงานวันออมแห่งชาติ ประจำปี 2562 ขึ้น ในวันที่ 31 ตุลาคม 2562 นี้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของสมาชิกสหกรณ์ให้ดีขึ้นและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

ด้าน พลตำรวจโท วิโรจน์ สัตยสัณห์สกุล ประธานกรรมการ ชสอ. กล่าวว่า ในปี 2561 ภาคสหกรณ์ไทยมีเงินออมและเงินออมเฉลี่ยต่อสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีเงินออมกว่า 2.30 ล้านล้านบาท และเงินออมเฉลี่ยต่อสมาชิกกว่า 183,000 บาท โดย ชสอ. ได้จัดงาน “วันออมแห่งชาติ” มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2552 โดยในระยะแรกร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

การจัดงานวันออมแห่งชาติในครั้งนี้ ชสอ. ร่วมกับสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ชุมนุมสหกรณ์ระดับประเทศ และสหกรณ์ทั้ง 7 ประเภท รณรงค์กิจกรรมส่งเสริมการออมของสหกรณ์ทั่วประเทศกำหนดจัดงานวันออมแห่งชาติ ประจำปี 2562 ในวันที่ 31 ตุลาคม 2562 ณ ห้องประชุม สำนักงานใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ถนนแจ้งวัฒนะ โดยได้กำหนดจัดกิจกรรมการ เดิน-วิ่ง-ปั่น รณรงค์วันออมแห่งชาติ ในวันที่ 31 ตุลาคม 2562 โดยเขตพื้นที่สหกรณ์สมาชิก ชสอ. ร่วมกับสหกรณ์ทุกประเภทในแต่ละภูมิภาคทั่วประเทศ กิจกรรมการสัมมนาวิชาการ หัวข้อ “การออมอย่างมีคุณค่าตามวิถีสหกรณ์” และมอบโล่เกียรติคุณวันออมแห่งชาติ ให้กับสมาชิกสหกรณ์ที่มีวินัยในการออมดีเด่น โดยตั้งเป้าการรณรงค์ให้สหกรณ์ทั่วประเทศจัดกิจกรรมส่งเสริมการออม ในภาคสหกรณ์เพิ่มขึ้น 50,000 ล้านบาท สำหรับ ชสอ. ได้เพิ่ม ช่องทางการออมให้กับสหกรณ์ ด้วยการเปิดจำหน่ายเงินฝากประจำและตั๋วสัญญาใช้เงิน รุ่น “วันออมแห่งชาติ” ระยะเวลาฝาก 36 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.80% ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม-8 พฤศจิกายน 2562

นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานกรรมการ สสท. กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย จึงได้ร่วมมือกับขบวนการสหกรณ์จัดงานวันออมแห่งชาติขึ้น เพื่อร่วมกันส่งเสริมให้ประชาชนได้ตระหนัก   เห็นความสำคัญและประโยชน์ของการออม สำหรับประเทศไทย คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2541 กำหนดให้วันที่ 31 ตุลาคมของทุกปีเป็น “วันออมแห่งชาติ” เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีวินัยในการออม ความสำคัญและประโยชน์ในการออม สำหรับขบวนการสหกรณ์ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ได้ร่วมกันจัดงานวันสหกรณ์แห่งชาติต่อเนื่องตลอดมา โดยหมุนเวียนกันไปจัดในจังหวัดต่าง ๆ และกรุงเทพมหานคร

ดังนั้น ในวันที่ 31 ตุลาคม 2562 จะได้เห็นการดำเนินงานของขบวนการสหกรณ์ จัดทำกิจกรรมการออมในรูปแบบที่หลากหลาย เป็นฐานการออมที่สำคัญอีกฐานหนึ่งด้านการเงินของประเทศไทย นอกเหนือจากแหล่งเงินออมอื่น ๆ เช่น ธนาคาร กองทุนการออมต่าง ๆ ฯลฯทำให้การเงินของประเทศไทยมีความมั่นคง เข้มแข็งและยั่งยืน ขบวนการสหกรณ์  จึงขอเชิญชวนสื่อมวลชนร่วมกันทำข่าว เพื่อนำเสนอต่อสาธารณชน เพื่อให้ประชาชนในประเทศไทยได้ภูมิใจ และให้ความตระหนัก ความสำคัญของการจัดงานวันออมแห่งชาติ ประจำปี 2562 ของขบวนการสหกรณ์ เพื่อให้สถานะด้านการออมของประเทศ เป็นฐานในการสร้างความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนของประเทศต่อไป